Page 22 - สิทธิในกระบวนการยุติธรรมและสิทธิของบุคคลในเกียรติยศและชื่อเสียง กรณีการนำตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพและการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
P. 22
ผู้แทนกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภ�พ ให้ข้อมูลและข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการนำาชี้ที่เกิดเหตุ
ประกอบคำารับสารภาพและการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน สรุปได้ ดังนี้
จากประสบการณ์การปฏิบัติงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำารวจ และจากการที่ได้พูดคุยกับ
ข้าราชการตำารวจชั้นผู้ใหญ่สังกัดสำานักงานตำารวจแห่งชาติ ซึ่งได้ให้แนวคิดว่า การนำาตัวผู้ต้องหาไป
นำาชี้ที่เกิดเหตุนั้นเจ้าหน้าที่ตำารวจมีแนวทางในการปฏิบัติและระเบียบที่ชัดเจน แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่
ตำารวจหรือพนักงานสอบสวนไม่ยึดถือปฏิบัติเท่าที่ควร จึงเป็นเรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์พอสมควร
ซึ่งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๓๙ วรรคสอง บัญญัติว่า
“ในคดีอาญา ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำาเลยไม่มีความผิด” การที่นำาตัวผู้ต้องหาไปนำาชี้
ที่เกิดเหตุและการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน จึงเป็นการละเมิดสิทธิของผู้ต้องหา เนื่องจากศาลยังมิได้
มีคำาพิพากษา ทั้งนี้ ระเบียบของสำานักงานตำารวจแห่งชาติไม่มีการบังคับว่าจะต้องนำาตัวผู้ต้องหาไป
นำาชี้ที่เกิดเหตุ หรือต้องแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ซึ่งการใช้ภาพถ่าย หรือการใช้แผนที่จำาลองชี้สถานที่
เกิดเหตุน่าจะเป็นแนวทางหรือวิธีการที่ทดแทนได้ โดยทุกครั้งที่มีการนำาตัวผู้ต้องหาไปนำาชี้ที่เกิดเหตุ
ญาติพี่น้องของผู้เสียหายมักจะเข้ามาทำาร้ายร่างกายหรือรุมประชาทัณฑ์ผู้ต้องหา ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว
ไม่ควรที่จะเกิดขึ้น
การนำาตัวผู้ต้องหาไปแถลงข่าวนั้น เจ้าหน้าที่ตำารวจได้มีแนวปฏิบัติที่ชัดเจน ซึ่ง
กรมตำารวจได้มีบันทึกข้อความ ที่ ๐๕๐๓.๖/๑๖๔๔๒ ลงวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๓๙ เรื่อง กำาชับและ
ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการชี้ตัวผู้ต้องหา การนำาผู้ต้องหาชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำารับสารภาพ
และการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยให้ข้าราชการตำารวจหน่วยต่างๆ ถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด ซึ่งการ
แถลงข่าวเจ้าหน้าที่ตำารวจหรือพนักงานสอบสวนสามารถแถลงข่าวได้ แต่ไม่ควรนำาตัวผู้ต้องหามา
ร่วมแถลงข่าวด้วย โดยต้องระมัดระวังในเรื่องการตอบโต้ซักถามผ่านสื่อมวลชน ซึ่งอาจทำาให้มีผลต่อ
สำานวนคดี ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องของผู้ต้องหาและผู้ถูกกล่าวหายังไม่มีการออกกฎหมาย
มารองรับที่ชัดเจน เนื่องจากหลายฝ่ายเห็นว่า กลุ่มคนเหล่านี้ได้รับสิทธิตามกฎหมายอื่นอยู่แล้ว
ปัจจุบันกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพได้จ้างอาจารย์ประจำาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เพื่อทำาการศึกษามาตรา ๔๐ (๕) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ที่บัญญัติ
ว่า “ผู้เสียหาย ผู้ต้องหา จำาเลย และพยานในคดีอาญา มีสิทธิได้รับความคุ้มครอง และความช่วยเหลือ
เท่าที่จำาเป็นและเหมาะสมจากรัฐ ส่วนค่าตอบแทน ค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายที่จำาเป็น ให้เป็นไป
ตามที่กฎหมายบัญญัติ” โดยเฉพาะผู้ต้องหาและจำาเลยมีสิทธิที่จะได้รับการคุ้มครองความปลอดภัย
ในระดับใด เนื่องจากยังมีประเด็นเป็นที่ถกเถียงกันว่า รัฐมีความจำาเป็นที่จะต้องปกป้องคุ้มครอง
ผู้ต้องหาที่เป็นผู้ที่กระทำาความผิดหรือไม่
การนำาตัวผู้ต้องหามาแถลงข่าวนั้น อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพได้ให้ความ
สำาคัญในเรื่องนี้ และไม่เห็นด้วยที่จะมีการนำาตัวผู้ต้องหามาแถลงข่าว ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
21
สิทธิในกระบวนการยุติธรรม และสิทธิของบุคคลในเกียรติยศและชื่อเสียง
กรณีการนำาตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำาชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำารับสารภาพ และการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน