Page 21 - สิทธิในกระบวนการยุติธรรมและสิทธิของบุคคลในเกียรติยศและชื่อเสียง กรณีการนำตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพและการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
P. 21
การนำาชี้ที่เกิดเหตุซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคำารับสารภาพในชั้นจับกุม ย่อมเข้ากับหลักทั่วไป
คือ รับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้ แต่อาจมีข้อถกเถียงว่า คำารับสารภาพที่ได้มานั้นอาจได้มาใน
ชั้นสอบสวนก็ได้ ซึ่งหากเป็นคำารับสารภาพในชั้นสอบสวน ก็สามารถรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
ดังนั้น ในชั้นจับกุมจึงไม่ควรมีการนำาตัวผู้ต้องหาไปนำาชี้ที่เกิดเหตุ เพราะกฎหมายวางหลักไว้ว่า
คำารับสารภาพในชั้นจับกุมไม่สามารถรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ ส่วนในชั้นสอบสวนไม่มีกฎหมาย
ห้ามมิให้มีการนำาชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำารับสารภาพ และในการพิจารณาพิพากษาโดยส่วนใหญ่
การนำาชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำารับสารภาพในชั้นสอบสวนจะนำามาใช้เป็นพยานหลักฐานในการลงโทษ
ผู้กระทำาผิด ซึ่งยังมีความจำาเป็นอยู่ จึงไม่ต้องหาแนวทางหรือวิธีการอื่นมาทดแทน
การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เป็นการนำาผู้ต้องหามาให้การรับสารภาพกับสื่อมวลชน
ซึ่งไม่มีประโยชน์ต่อการให้การในชั้นสอบสวนแต่อย่างใด โดยอาจทำาให้เสียรูปคดีได้ เนื่องจากอาจ
เป็นการให้คำามั่นสัญญาหรืออาจมีการข่มขู่
ประเด็นที่ ๒ ความจำาเป็นและประโยชน์ในการนำาตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำาชี้
ที่เกิดเหตุประกอบคำารับสารภาพและการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยในบางครั้งอาจไม่มีความจำาเป็น
เนื่องจากในชั้นจับกุมคำาให้การของผู้ต้องหาที่ให้การรับสารภาพไม่สามารถรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
ซึ่งการนำาตัวผู้ต้องหาไปนำาชี้ที่เกิดเหตุก็อาจทำาให้เกิดภาระกับเจ้าพนักงานตำารวจ และเป็นการสิ้นเปลือง
งบประมาณ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำารวจจะต้องจัดกำาลังเจ้าหน้าที่เพื่อคุ้มครองและป้องกันมิให้ผู้ต้องหา
ถูกทำาร้ายจากประชาชน
ประเด็นที่ ๓ ความเห็นและแนวทางในการหาวิธีการทดแทนการนำาชี้ที่เกิดเหตุ
ประกอบคำารับสารภาพและการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน พนักงานสอบสวนมีความสามารถในการ
สืบสวนสอบสวนอยู่แล้ว ดังนั้น การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนจึงไม่มีความจำาเป็น เนื่องจากตาม
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๗ บัญญัติว่า “ให้ศาลใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่ง
น้ำาหนักพยานหลักฐานทั้งปวง อย่าพิพากษาลงโทษจนกว่าจะแน่ใจว่ามีการกระทำาความผิดจริงและ
จำาเลยเป็นผู้กระทำาความผิดนั้น เมื่อมีความสงสัยตามสมควรว่าจำาเลยได้กระทำาผิดหรือไม่ ให้ยก
ประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำาเลย”
การนำาตัวผู้ต้องหามาแถลงข่าวซึ่งเป็นการตีตราว่าบุคคลนั้นเป็นผู้กระทำาผิด โดยที่
ศาลยังมิได้พิจารณาคดี ซึ่งในต่างประเทศการนำาเสนอข่าวผ่านสื่อมวลชน ผู้ปกครอง รัฐ หรือผู้บังคับ
บัญชาสูงสุดจะเป็นผู้แถลงข่าว โดยจะต้องระมัดระวังในเรื่องของรูปคดีและต้องมีความรับผิดชอบต่อ
สังคม
สำาหรับเรื่องการนำาตัวผู้ต้องหามาแถลงข่าวนั้น เท่าที่ทราบมีผู้ใหญ่หลายท่านให้
ความห่วงใยในเรื่องนี้ เนื่องจากเป็นการกระทบในเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่การนำาตัวผู้ต้องหาไปนำาชี้
ที่เกิดเหตุเป็นกระบวนการของฝ่ายบริหาร ซึ่งฝ่ายตุลาการไม่อาจก้าวล่วงได้
20
สิทธิในกระบวนการยุติธรรม และสิทธิของบุคคลในเกียรติยศและชื่อเสียง
กรณีการนำาตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำาชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำารับสารภาพ และการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน