Page 28 - สิทธิในกระบวนการยุติธรรมและสิทธิของบุคคลในเกียรติยศและชื่อเสียง กรณีการนำตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพและการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
P. 28
ไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำาเลยไม่มีความผิด” และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิ
ทางการเมือง ข้อ ๑๔ (๒) ระบุว่า “บุคคลทุกคนซึ่งต้องหาว่ากระทำาผิดอาญา ต้องมีสิทธิได้รับการ
สันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะพิสูจน์ตามกฎหมายว่าได้มีความผิด” ดังนั้น ผู้ต้องหาจึงมีสิทธิ
ที่จะได้รับการปฏิบัติเหมือนบุคคลทั่วไป รวมถึงสิทธิต่างๆ เช่น สิทธิในการพบทนายความ สิทธิในการ
ได้รับการรักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วย เป็นต้น
ในการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำารวจ การนำาตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำาชี้ที่เกิดเหตุ
ประกอบคำารับสารภาพ เป็นการยืนยันว่าผู้ต้องหาได้กระทำาความผิดจริง แต่ในกรณีที่ผู้ต้องหาจำานน
ต่อหลักฐานก็ไม่มีความจำาเป็นที่จะต้องนำาตัวผู้ต้องหาไปนำาชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำารับสารภาพ ทั้งนี้
ต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจ และเป็นหลักฐานที่ได้รับการพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์แล้ว ซึ่งพนักงาน
สอบสวนควรที่จะมีความรู้ทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ด้วย เพื่อเป็นประโยชน์ในการแสวงหาข้อเท็จจริง
ส่วนการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช
๒๕๕๐ มาตรา ๓๕ บัญญัติว่า “สิทธิของบุคคลในครอบครัว เกียรติยศ ชื่อเสียง ตลอดจนความเป็นอยู่
ส่วนตัวย่อมได้รับความคุ้มครอง การกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความหรือภาพไม่ว่าด้วยวิธีใด
ไปยังสาธารณชน อันเป็นการละเมิดหรือกระทบถึงสิทธิของบุคคลในครอบครัว เกียรติยศ ชื่อเสียง
หรือความเป็นอยู่ส่วนตัว จะกระทำามิได้ เว้นแต่กรณีที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ” เมื่อมีการนำาตัว
ผู้ต้องหามาแถลงข่าว สังคมรับรู้ว่าบุคคลนั้นเป็นผู้กระทำาความผิด แต่ต่อมาศาลพิพากษายกฟ้อง
ชื่อเสียงเกียรติยศของบุคคลนั้นที่สูญเสียไปในขณะที่ได้มีการแถลงข่าวไปแล้วนั้น ไม่มีผู้ใดมาชดเชย
ค่าเสียหายให้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ผู้เสียหายต้องฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเอง ดังนั้น ในการแถลงข่าวควร
มีเฉพาะผู้แถลงข่าวกับของกลาง โดยไม่ต้องนำาตัวผู้ต้องหามาร่วมแถลงข่าว และต้องไม่นำาตัวไปให้
สาธารณชนหรือสื่อมวลชนได้รับทราบ รวมทั้งในบางกรณีควรที่จะงดเว้นการนำาเสนอข่าวด้วย
๖) การประชุมคณะอนุกรรมการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านกฎหมายและ
การปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม ครั้งที่ ๑๒/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๔
ผู้แทนนักวิช�ก�ร ให้ข้อมูลและข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการนำาชี้ที่เกิดเหตุประกอบ
คำารับสารภาพและการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน สรุปได้ ดังนี้
ประเด็นที่ ๑ เหตุผลและความจำาเป็นในการนำาตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำาชี้ที่เกิดเหตุ
ประกอบคำารับสารภาพและการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
ในการพิจารณาสิทธิของผู้ต้องหาในกระบวนการยุติธรรม ผู้ต้องหาซึ่งเป็นผู้ทรง
สิทธิหลัก ประกอบกับเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้เพียงพอต่อ
การพิจารณาคดี และเป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๓๙
วรรคสอง และวรรคสาม บัญญัติว่า “ในคดีอาญา ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำาเลยไม่มี
ความผิด ก่อนมีคำาพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทำาความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้น
เสมือนผู้กระทำาความผิดมิได้” ตามบทบัญญัติดังกล่าวจะเป็นหลักสำาคัญในการปฏิบัติต่อผู้ต้องหาหรือ
27
สิทธิในกระบวนการยุติธรรม และสิทธิของบุคคลในเกียรติยศและชื่อเสียง
กรณีการนำาตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำาชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำารับสารภาพ และการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน