Page 17 - สิทธิในกระบวนการยุติธรรมและสิทธิของบุคคลในเกียรติยศและชื่อเสียง กรณีการนำตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพและการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
P. 17

ม�ตร� ๓๙ วรรคสอง  วางหลักไว้ว่า  ในคดีอาญา ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหา
                 หรือจำาเลย ไม่มีความผิด

                                  ม�ตร� ๔๐  วางหลักไว้ว่า บุคคลย่อมมีสิทธิในกระบวนการยุติธรรม ดังต่อไปนี้

                                  (๔)  ผู้เสียหาย ผู้ต้องหา โจทก์ จำาเลย คู่กรณี ผู้มีส่วนได้เสีย หรือพยานในคดี
                 มีสิทธิได้รับการปฏิบัติที่เหมาะสมในการดำาเนินการตามกระบวนการยุติธรรม  รวมทั้งสิทธิในการได้รับ

                 การสอบสวนอย่างถูกต้อง รวดเร็ว เป็นธรรม และการไม่ให้ถ้อยคำาเป็นปฏิปักษ์ต่อตนเอง

                               ๒. ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมือง
                 และสิทธิทางการเมือง

                               ๓. ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๖๖ วางหลักไว้ว่า พยานวัตถุ

                 พยานเอกสารหรือพยานบุคคล ซึ่งน่าพิสูจน์ได้ว่าจำาเลยมีผิดหรือบริสุทธิ์ ให้อ้างพยานหลักฐานได้
                 แต่ต้องเป็นพยานชนิดที่มิได้เกิดจากการจูงใจ มีคำามั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวงหรือโดยมิชอบประการอื่น
                 และให้สืบตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่นอันว่าด้วยการสืบพยาน

                               คำารับสารภาพในชั้นสอบสวนมีผลเป็นเพียงพยานบอกเล่า ไม่เพียงพอต่อการใช้เป็น

                 พยานในชั้นศาล ซึ่งคดีความผิดบางประเภทที่มีเพียงแต่คำารับสารภาพ และไม่มีพยานหลักฐานอื่น
                 หลักของการสอบสวนจะต้องนำาคำารับสารภาพเพื่อขยายผลไปยังพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น

                 อาวุธ สถานที่เกิดเหตุ สถานที่ซ่อนอาวุธ พฤติการณ์การกระทำาความผิด เป็นต้น  ซึ่งเป็นพยาน
                 หลักฐานที่แยกออกจากคำารับสารภาพ  หากมีพยานหลักฐานอื่นประกอบ การนำาผู้ต้องหาไปทำาแผน

                 การนำาชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำารับสารภาพก็อาจจะมีความจำาเป็นน้อยลง การดำาเนินการโดยใช้หลักการ
                 ของ Crime Control คือ หลักเสรีภาพและหลักของการควบคุมอาชญากรรมซึ่งต้องมีความสมดุลกัน

                               หลักการนำาชี้ที่เกิดเหตุกับการสอบปากคำารับสารภาพเป็นศิลปะในการสอบสวน
                 ไม่ใช่หลักกฎหมาย ซึ่งหลักกฎหมายที่ใช้ในการปฏิบัติ คือ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

                 มาตรา ๒๖๖ ซึ่งประเทศไทยใช้หลักการของประเทศฝรั่งเศส แต่ศิลปะในการทำาคดีนั้น พนักงานสอบสวน
                 นำาวิธีการมาจากแนวคำาพิพากษา

                               กรมสอบสวนคดีพิเศษไม่มีการกำาหนดเกี่ยวกับระเบียบปฏิบัติในการนำาตัวผู้ต้องหาไป

                 ทำาแผนการนำาชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำารับสารภาพ เนื่องจากคดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษดำาเนินการนั้น
                 เป็นคดีที่ได้รับจากสำานักงานตำารวจแห่งชาติ จึงทำาให้ไม่มีปัญหาอุปสรรคและข้อร้องเรียนในการปฏิบัติ
                 หน้าที่เกี่ยวกับการนำาตัวผู้ต้องหาไปทำาแผนการนำาชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำารับสารภาพ

                               แนวทางในการหาวิธีการทดแทนการจัดทำาแผนประทุษกรรม หากมีความจำาเป็นที่

                 จะต้องดำาเนินการ แต่อาจจะไม่จำาเป็นต้องแถลงข่าวหรือแจ้งข่าวล่วงหน้า เนื่องจากต้องคำานึงถึงสิทธิ
                 และเสรีภาพของผู้ต้องหาเป็นหลัก  โดยผู้ต้องหาจะต้องลงลายมือชื่อให้ความยินยอมในการทำาแผน

                 การนำาชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำารับสารภาพ และเมื่อไปถึงสถานที่เกิดเหตุจะต้องสอบถามความยินยอม
                 จากผู้ต้องหาซ้ำาอีก เนื่องจากคำายินยอมสามารถถอนความยินยอมได้เสมอ และไม่ใช่หลักกฎหมาย

                 โดยตรง ส่วนการนำาตัวผู้ต้องหาไปแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนซึ่งต้องได้รับความยินยอมจากผู้ต้องหาเช่นกัน


            16

            สิทธิในกระบวนการยุติธรรม และสิทธิของบุคคลในเกียรติยศและชื่อเสียง
            กรณีการนำาตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำาชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำารับสารภาพ และการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
   12   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22