Page 83 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 2 ระหว่าง มกราคม - มิถุนายน 2558
P. 83

81
                                              ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
                                                     ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เล่ม ๒  ระหว่าง มกราคม – มิถุนายน ๒๕๕๘


                  ส่งตัวบุคคลดังกล่าวอาจทำาให้ผู้นั้นผู้กระทำาทรมานหรือถูกบังคับให้สูญหาย อันช่วยให้หน่วยงานของรัฐ หรือ

                  เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีอำานาจหน้าที่พิจารณาส่งตัวบุคคลออกนอกราชอาณาจักรตามกฎหมายต่างๆ ทำาหน้าที่
                  ด้วยความระมัดระวังขึ้น และหากจะให้คณะกรรมการตามร่างพระราชบัญญัติฯ มีอำานาจหน้าที่ดังกล่าวจำาเป็นต้อง

                  แก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้หน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐภายใต้กฎหมายนั้นทราบและปฏิบัติตาม
                            ส่วนบทบัญญัติตามกติกา ICCPR ข้อ ๑๓ ที่ให้คนต่างด้าวที่อยู่ในดินแดนของรัฐภาคีโดยชอบกฎหมาย

                  อาจถูกขับไล่ออกจากรัฐนั้นได้โดยคำาวินิจฉัยตามกฎหมาย และผู้นั้นย่อมสามารถให้เหตุผลคัดค้านและทบทวน
                                                                 ๒๖
                  ได้นั้น ได้บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติการเนรเทศฯ (ข้อ ๘)   แล้ว  และการส่งตัวผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์
                                                                                          ๒๗
                  ออกนอกราชอาณาจักร  พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ฯ (มาตรา ๓๖)   ได้คำานึงถึงความ
                  ปลอดภัยของผู้เสียหายและบุคคลในครอบครัวของผู้เสียหาย ซึ่งสอดคล้องกับหลักการไม่ส่งตัวบุคคลออกนอก
                  ราชอาณาจักร หากเชื่อได้ว่าส่งผลให้บุคคลนั้นได้รับอันตรายแก่ชีวิตแล้ว

                            ๖.๗.๓  ควรแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. ๒๕๕๑ และสนธิสัญญาส่งผู้ร้าย
                  ข้ามแดนหรือกฎหมายอื่นใดที่เกี่ยวกับการส่งผู้ร้ายข้ามแดน เพื่อประกันว่าความผิดในการกระทำาให้บุคคล

                  หายสาบสูญโดยถูกบังคับไม่เป็นความผิดทางการเมือง หรือเกี่ยวกับความผิดทางการเมือง หรือความผิดที่กระทำา
                  เพราะจุดมุ่งหมายทางการเมือง และไม่อาจใช้เหตุผลดังกล่าวมาอ้างเพื่อปฏิเสธคำาขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน รวมทั้ง
                  ให้รวมความผิดฐานการกระทำาทรมานและกระทำาให้บุคคลหายสาบสูญโดยถูกบังคับเป็นความผิดที่สามารถ

                  ส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ในสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องตามหลักการในอนุสัญญา CAT ข้อ ๘
                  อนุสัญญา CPED ข้อ ๑๓

                        ๖.๘  คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย

                  (คณะกรรมการตามร่างพระราชบัญญัติฯ) และคณะกรรมการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ มีความเห็นดังนี้

                            ๖.๘.๑  ร่างพระราชบัญญัติฯ มาตรา ๒๕ กำาหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการตามร่างพระราช-
                  บัญญัติฯว่า ประกอบด้วยกรรมการโดยตำาแหน่ง ๑๑ คน เป็นผู้แทนหน่วยงานรัฐ ๑๐ คน อีก ๑ ตำาแหน่ง คือ
                  นายกสภาทนายความ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิทธิมนุษยชน ด้านการแพทย์ ด้านจิตวิทยา ๖ คน ซึ่งอาจ

                  เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่มีผู้แทนของผู้เสียหายหรือผู้ได้รับผลกระทบ แม้ว่าร่างกฎหมายเปิดโอกาสให้ผู้เสียหาย
                  มาให้ความเห็นหรือเป็นพยานในขั้นตอนการสอบสวนได้อยู่แล้ว และการให้มีผู้แทนของบุคคลดังกล่าว อาจเปิด

                  โอกาสให้มีการขัดกันของผลประโยชน์ (Conflict of Interest) ได้  อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาองค์ประกอบ





                  ๒๖  มาตรา ๘ ผู้ถูกสั่งเนรเทศมีสิทธิยื่นอุทธรณ์ต่อนายกรัฐมนตรี ขอให้เพิกถอนคำาสั่งเนรเทศ หรือขอมิให้ส่งตัวออกไปนอกราชอาณาจักรก็ได้
                     แต่ต้องยื่นอุทธรณ์ภายในเจ็ดวันนับแต่วันทราบคำาสั่งเนรเทศ  ให้นายกรัฐมนตรีมีอำานาจสั่งเพิกถอนคำาสั่งเนรเทศ  สั่งผ่อนผันโดยประการ
                     อื่นใดหรือสั่งให้ส่งไปประกอบอาชีพ ณ ที่แห่งใด แทนการเนรเทศตามที่เห็นสมควรได้ทั้งนี้โดยจะให้ทำาทัณฑ์บนไว้ก็ได้
                  ๒๗  มาตรา  ๓๖  ให้พนักงานเจ้าหน้าที่จัดให้มีการคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ผู้เสียหายระหว่างที่อยู่ในความดูแลไม่ว่าบุคคลนั้นจะพำานักอยู่
                     ณ ที่ใด ไม่ว่าก่อน ขณะ หรือหลังการดำาเนินคดี ทั้งนี้ ให้คำานึงถึงความปลอดภัยของบุคคลในครอบครัวของผู้เสียหายด้วย
                           ..............................................
                           ถ้าผู้เสียหายต้องเดินทางกลับประเทศที่เป็นถิ่นที่อยู่หรือภูมิลำาเนา หรือถ้าบุคคลในครอบครัวของผู้เสียหายอาศัยอยู่ในประเทศ
                     อื่น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานในประเทศนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐหรือภาคเอกชน และไม่ว่าจะกระทำาผ่าน
                     สถานทูตหรือสถานกงสุลของประเทศนั้นๆ หรือไม่ก็ตาม เพื่อให้มีความคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ผู้เสียหายและบุคคลในครอบครัว
                     อย่างต่อเนื่องในประเทศนั้น
   78   79   80   81   82   83   84   85   86   87   88