Page 81 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 2 ระหว่าง มกราคม - มิถุนายน 2558
P. 81
79
ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เล่ม ๒ ระหว่าง มกราคม – มิถุนายน ๒๕๕๘
การกระทำาให้ได้รับความอับอาย การลดทอนศักดิ์ศรีของบุคคล (Humiliating and Degrading Treatment) ว่า
เป็นการกระทำาที่เป็นองค์ประกอบของอาชญากรรม (Element of Crimes) ดังนั้น การกระทำาหรือการลงโทษ
่
อื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ยำายีศักดิ์ศรีจึงเป็นการกระทำาผิดอาญาเป็นหลัก และอาจรับผิดตามกฎหมาย
ระเบียบอื่น เช่น ทางวินัย ทางแพ่ง ทางปกครอง หรือทางการเมืองด้วยก็ได้
นอกจากนี้ อนุสัญญา CAT ข้อ ๑๖ กำาหนดว่า ให้รัฐภาคีรับที่จะป้องกันการกระทำาหรือการลงโทษอื่นที่
่
โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ยำายีศักดิ์ศรี และให้นำาพันธกรณีในข้อ ๑๐ (บรรจุในหลักสูตรฝึกอบรมผู้บังคับใช้
กฎหมาย) ข้อ ๑๑ (ทบทวนกฎเกณฑ์ คำาสั่ง วิธีการ แนวปฏิบัติในการไต่สวน ๗ ข้อ ๑๒ (ดำาเนินการสืบสวน
โดยพลันโดยปราศจากความลำาเอียง) และข้อ ๑๓ (สิทธิร้องทุกข์ของผู้อ้างว่าถูกทรมาน) มาใช้บังคับ ดังนั้น
หากจะพิจารณาโทษสำาหรับการกระทำา CID ก็อาจกำาหนดว่าให้เป็นไปตามที่กำาหนดไว้ในกฎหมาย หรือกฎ ระเบียบ
ที่มีอยู่ขณะนั้น
๖.๒ ร่างพระราชบัญญัติฯ มีเจตนาเพื่ออนุวัติกฎหมายตามอนุสัญญา CAT และอนุสัญญา CPED
ยังไม่รวมถึงการอนุวัติกฎหมายพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญา CAT ว่าด้วยระบบการเข้าเยี่ยมสถานที่ซึ่งทำาให้
บุคคลเสื่อมเสียอิสรภาพและการทำาหน้าที่ของกลไกการป้องกันระดับชาติ (National Preventive Mechanism
- NPM) ซึ่งประเทศไทยยังไม่ได้เป็นภาคี ทั้งนี้ รัฐบาลและหน่วยงานของรัฐที่มีอำานาจหน้าที่ หรือคณะกรรมการ
ตามร่างพระราชบัญญัติฯ แล้วแต่กรณี อาจสนับสนุนระบบการเข้าเยี่ยมสถานที่ซึ่งทำาให้บุคคลเสื่อมเสีย
อิสรภาพได้ เช่น โดยแจ้งและสร้างความเข้าใจให้แก่หน่วยงานของรัฐ และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่รับผิดชอบดูแล
สถานที่ซึ่งทำาให้บุคคลเสื่อมเสียอิสรภาพรูปแบบต่างๆ ทั้งที่เป็นหน่วยงานของรัฐ หน่วยงานภายใต้การกำากับ
ดูแลของหน่วยงานของรัฐ หรืออื่นใด เตรียมความพร้อมรองรับการตรวจเยี่ยม หรืออำานวยความสะดวกในการ
เข้าเยี่ยมของหน่วยงานต่างๆ ที่มีอำานาจหน้าที่ ในระหว่างที่ประเทศไทยยังไม่ได้เป็นภาคีพิธีสารเลือกรับของ
อนุสัญญา CAT ก็ได้ ส่วนการกำาหนดกฎหมายรองรับระบบการเข้าเยี่ยมสถานที่ดังกล่าวและการทำางานของ
กลไกการป้องกันระดับชาตินั้น เป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง
๖.๓ ร่างพระราชบัญญัติฯ มาตรา ๕ – ๗ ซึ่งกำาหนดบทลงโทษการกระทำาผิดคดีทรมานและคดีบังคับ
บุคคลให้สูญหายเป็นโทษจำาคุกและโทษปรับตามระดับความร้ายแรงของการกระทำาผิด โดยโทษจำาคุก
ตลอดชีวิตเป็นโทษสูงสุด สอดคล้องกับแนวคิดว่าด้วยการยกเลิกโทษประหารชีวิต ขณะเดียวกันก็ควรมีมาตรการ
ที่ประกันความปลอดภัยให้แก่สังคมว่า ผู้กระทำาผิดร้ายแรงในคดีทรมานและคดีบังคับบุคคลให้สูญหายจะ
ไม่ถูกปล่อยตัวเร็วกว่าโทษที่กำาหนด เช่น กำาหนดเงื่อนไขว่า มิให้ใช้มาตรการอันเป็นคุณแก่นักโทษเด็ดขาด
จนกว่าระยะเวลารับโทษเกินกว่ากึ่งหนึ่งของโทษหรือภายในระยะเวลาที่กำาหนด
๖.๔ ร่างพระราชบัญญัติฯ (มาตรา ๙) ซึ่งกำาหนดโทษสำาหรับผู้บังคับบัญชาที่ทราบหรือจงใจ
เพิกเฉยต่อข้อมูลที่ระบุชัดแจ้ง ว่า ผู้ซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชากำาลังจะกระทำาหรือได้กระทำาความผิดคดีทรมาน
หรือบังคับบุคคลให้สูญหาย และไม่ดำาเนินการที่จำาเป็นและเหมาะสมตามอำานาจเพื่อป้องกันหรือระงับการกระทำา
ดังกล่าว หรือไม่ดำาเนินการให้มีการสอบสวนและดำาเนินคดีตามกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๒๕ และ ๓๒ ซึ่ง
กำาหนดให้มีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย (คณะกรรมการ
ตามร่างพระราชบัญญัติฯ) มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธาน มีอำานาจหน้าที่สืบสวนข้อร้องเรียน
หรือคดีทรมาน หรือคดีบังคับบุคคลให้สูญหาย ยังไม่ครอบคลุมหรือไม่ประกันว่าผู้กระทำาผิดคดีทรมานหรือ