Page 82 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 2 ระหว่าง มกราคม - มิถุนายน 2558
P. 82
80 ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เล่ม ๒ ระหว่าง มกราคม – มิถุนายน ๒๕๕๘
คดีบังคับบุคคลให้สูญหายที่เป็นผู้นำาระดับสูง เช่น ผู้มีอำานาจเหนือกว่าประธานคณะกรรมการตามร่างพระราช-
บัญญัติฯ จะได้รับการสอบสวนและดำาเนินคดีตามกฎหมายนี้
๖.๕ ร่างพระราชบัญญัติฯ มาตรา ๑๖ ซึ่งบัญญัติให้ดำาเนินการสืบสวนคดีบังคับบุคคลให้สูญหาย
จนกว่าจะพบบุคคลที่ถูกบังคับให้สูญหาย หรือปรากฏหลักฐานน่าเชื่อว่าบุคคลนั้นถึงแก่ความตาย ไม่ประกัน
ว่าจะมีการลงโทษผู้กระทำาผิด ควรแก้ไขเป็นให้สืบสวนจนกว่าจะสามารถนำาผู้กระทำาผิดมาลงโทษ
๖.๖ แม้ร่างพระราชบัญญัติฯ จะมีบทเพิ่มโทษสำาหรับการกระทำาความผิดฐานทรมานและ
การบังคับบุคคลให้สูญหายที่กระทำาต่อเด็ก ผู้หญิงมีครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้พิการ หรือผู้ซึ่งไม่สามารถพึ่งตนเอง
ได้แล้ว แต่ไม่มีบทบัญญัติที่ประกันว่าจะมีมาตรการที่จำาเป็นในการป้องกันและลงโทษต่อการกระทำา
เกี่ยวกับการขนย้ายเด็กผู้ซึ่งถูกใช้กำาลังบังคับให้หายสาบสูญ เด็กผู้ซึ่งบิดามารดาหรือผู้ปกครองตามกฎหมาย
ถูกใช้กำาลังบังคับให้หายสาบสูญ หรือเด็กที่เกิดระหว่างการถูกคุมขังของมารดาที่ถูกใช้กำาลังบังคับให้หายสาบสูญ
ตลอดจนการทบทวนหรือยกเลิกการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม หรือการอุปการะเด็กซึ่งมีที่มาจากการใช้กำาลังบังคับ
เพื่อให้หายสาบสูญตามอนุสัญญา CPED ข้อ ๒๕ วรรคหนึ่งและสี่ นอกจากนี้ ร่างพระราชบัญญัติฯ ไม่มีบทบัญญัติ
ที่ชัดเจนเกี่ยวกับสถานะทางกฎหมายของบุคคลที่หายสาบสูญซึ่งชะตากรรมยังไม่เป็นประจักษ์ และสถานะของ
ญาติของบุคคลดังกล่าว อันเป็นหลักการที่รับรองไว้ในอนุสัญญา CPED ข้อ ๒๔ วรรคหก
๖.๗ การปฏิบัติเกี่ยวกับหลักการห้ามมิให้หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำาการส่งตัว
บุคคลออกไปนอกราชอาณาจักร หากเป็นที่เชื่อได้ว่าการส่งบุคคลดังกล่าวออกไปจะส่งผลให้บุคคลนั้น
ถูกกระทำาการทรมานหรือถูกบังคับให้สูญหาย (พระราชบัญญัติฯ มาตรา ๒๔) ควรมีดังนี้
๖.๗.๑ หลักการของมาตรานี้ คือ ห้ามส่งบุคคลออกนอกราชอาณาจักร หากการส่งตัวบุคคล
ออกนอกราชอาณาจักรนั้น เป็นที่เชื่อว่าจะส่งผลให้บุคคลนั้นถูกกระทำาทรมานหรือถูกบังคับให้สูญหาย เนื่องจาก
ร่างพระราชบัญญัติฯ ไม่มีบทบัญญัติถึงแนวปฏิบัติในเรื่องนี้ จึงอาจกำาหนดให้เป็นอำานาจหน้าที่ของคณะกรรมการ
ตามร่างพระราชบัญญัติฯ พิจารณาว่า บุคคลใดอยู่ในข่ายตามหลักการในมาตรานี้ โดยอาจเพิ่มวรรคสองว่า
หากมีข้อสงสัยหรือเป็นที่เชื่อว่าการส่งบุคคลนั้นออกนอกราชอาณาจักรจะส่งผลให้ผู้นั้นถูกกระทำาทรมานหรือ
ถูกบังคับให้สูญหาย ให้เจ้าหน้าที่โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการตามร่างพระราชบัญญัติฯ ขอให้ชะลอ
การส่งตัวผู้นั้นออกนอกราชอาณาจักรได้
ทั้งนี้ ควรมีความเชื่อมโยงระหว่างอำานาจหน้าที่ของคณะกรรมการตามร่างพระราชบัญญัติฯ
และอำานาจหน้าที่ของกลไกตามกฎหมายความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องอาญา เช่น ศาลและสำานักงาน
อัยการสูงสุดตามพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดนฯ สำานักงานอัยการสูงสุด คณะกรรมการหรือนายกรัฐมนตรี
ตามพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญาฯ ฯลฯ กล่าวคือคณะกรรมการตามร่าง
พระราชบัญญัติฯ จะทำาหน้าที่รวบรวมหลักฐานข้อเท็จจริงและทำาความเห็นเบื้องต้นเสนอต่อศาล (พระราชบัญญัติ
ส่งผู้ร้ายข้ามแดนฯ) หรือคณะกรรมการหรือนายกรัฐมนตรี (พระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่อง
ทางอาญาฯ) แล้วแต่กรณี
๖.๗.๒ เมื่อพิจารณาองค์ประกอบของคณะกรรมการตามร่างพระราชบัญญัติฯ ซึ่งประกอบด้วย
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เห็นว่ามีคุณสมบัติที่จะทำาหน้าที่ทักท้วงการส่งตัวบุคคลออกนอกราชอาณาจักร หากการ