Page 37 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 2 ระหว่าง มกราคม - มิถุนายน 2558
P. 37
35
ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เล่ม ๒ ระหว่าง มกราคม – มิถุนายน ๒๕๕๘
ฉุกเฉินเร่งด่วน) และสีแดง (ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต) และการนิยามคำาว่า “พ้นวิกฤต” มิได้กำาหนดไว้ให้ชัดเจน เปิดช่อง
ทางให้โรงพยาบาลเอกชนเป็นผู้วินิจฉัย ทำาให้เกิดปัญหา เช่น โรงพยาบาลเอกชนที่ให้การรักษาไม่ได้ส่งต่อผู้ป่วย
เมื่อพ้นวิกฤตไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลต้นสังกัดตามสิทธิโดยเร็ว ผู้ป่วยต้องรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลหลังพ้น
วิกฤตเอง เป็นต้น
๓.๑.๒ ปัญหาประชาชนและโรงพยาบาลที่ไม่ใช่คู่สัญญาไม่ทราบถึงระบบการแจ้งสิทธิและ
ระบบอนุมัติให้เข้ารับบริการรักษาพยาบาล กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน ประชาชนไม่ทราบช่องทางร้องเรียนและ
สิทธิประโยชน์จากนโยบายดังกล่าว รวมถึงไม่ทราบข้อมูลโรงพยาบาลที่เป็นคู่สัญญาและไม่ได้เป็นคู่สัญญา
๓.๑.๓ ปัญหาต้นทุนการรักษาพยาบาลซึ่งไม่สามารถหาต้นทุนที่เหมาะสมได้ โดยโรงพยาบาล
เอกชนจะมีต้นทุนที่แตกต่างกันตามประเภทกลุ่มของโรงพยาบาล ปัจจุบันรัฐกำาหนดไว้ที่อัตรา ๑๐,๕๐๐ บาท
้
ต่อหนึ่งหน่วยนำาหนักสัมพัทธ์ (Adjusted Relative Weight : AdjRW) สมาคมโรงพยาบาลเอกชนเสนอให้เพิ่ม
้
เป็น ๒๕,๐๐๐ บาทต่อหนึ่งหน่วยนำาหนักสัมพัทธ์ (AdjRW) สำานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเสนออัตรา
้
๑๖,๗๖๒ บาทต่อหนึ่งหน่วยนำาหนักสัมพัทธ์ (AdjRW) สำานักงานประกันสังคม เสนออัตรา ๑๗,๐๐๐ บาทต่อ
้
หนึ่งหน่วยนำาหนักสัมพัทธ์ (AdjRW) ส่วนหนึ่งเนื่องจากโรงพยาบาลเอกชนอ้างว่า ไม่เชื่อมั่นว่าเมื่อส่งข้อมูล
การเบิกชดเชยแล้วจะได้รับเงินตามจำานวนนั้น ทำาให้โรงพยาบาลเอกชนมีแนวโน้มปฏิเสธการใช้วิธีเบิกจ่าย
ค่ารักษาพยาบาลตามนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินฯ เรียกเก็บเงินจากผู้ป่วยโดยตรง และพบว่าหลังเริ่มดำาเนินการ
ในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๕ มีผู้ใช้บริการและเบิกผ่านระบบเบิกจ่ายบริการเจ็บป่วยฉุกเฉิน (EMCO) ร้อยละ ๔๖
ของผู้ใช้บริการทั้งหมดรายงานว่าถูกเรียกเก็บเงินในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๖ เพิ่มเป็นร้อยละ ๗๐ และช่วงเดือน
กันยายนเพิ่มเป็นร้อยละ ๙๕
๓.๑.๔ ปัญหาการประเมินระดับความรุนแรงของการเจ็บป่วยฉุกเฉิน ว่าเป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน
วิกฤตหรือเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินเร่งด่วนตามกฎหมายว่าด้วยการแพทย์ฉุกเฉิน พบว่าไม่ใช้แพทย์มาทำาการวินิจฉัย
อาการทั้ง ๒๕ อาการว่าเป็นฉุกเฉินวิกฤตหรือไม่
๓.๑.๕ ปัญหาการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลจากงบประมาณ ซึ่งนโยบายดังกล่าวไม่ได้มี
การตั้งงบประมาณเพิ่มเติมจากงบประมาณปกติ กล่าวคือ เป็นการใช้งบปกติของแต่ละกองทุน ปัจจุบันเป็น
การใช้งบประมาณของสำานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติในการสำารองจ่าย โดยจะไปเรียกเก็บเงินคืนจาก
กองทุนที่เหลือซึ่งยังไม่มีกองทุนใดจ่ายเงินเข้ามา
๓.๒ การรับฟังความเห็นจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง และผู้ได้รับผลกระทบ
คณะอนุกรรมการฯ ได้รับฟังข้อมูลและความเห็นเรื่องนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินฯ ดังกล่าวจาก
หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง และผู้ได้รับผลกระทบ เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ และวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๗
ตามลำาดับ มีสาระสำาคัญโดยสรุป คือ
๓.๒.๑ ผู้แทนจากกระทรวงสาธารณสุข
(๑) ข้อมูลจากการรับเรื่องร้องเรียนของกระทรวงสาธารณสุขพบว่า เรื่องร้องเรียน
เกี่ยวกับการรักษาพยาบาลและการเก็บค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน ส่วนใหญ่เป็นการร้องเรียนต่อ
กรณีโรงพยาบาลเอกชนว่าเก็บค่ารักษาพยาบาลและผลักภาระให้ผู้ป่วยหรือญาติ ไม่ค่อยมีการร้องเรียนต่อ