Page 32 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 2 ระหว่าง มกราคม - มิถุนายน 2558
P. 32

30  ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
                  ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เล่ม ๒  ระหว่าง มกราคม – มิถุนายน ๒๕๕๘


               แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนโดยเร็ว  และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้เคยเสนอ

               ความเห็นดังกล่าวในรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย
               (เลขที่ ๒๑๐/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๔) เรื่อง การตราพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. ....


                           ๕.๒.๒  ประเด็นที่ ๒ การใช้กฎหมายพิเศษด้านความมั่นคงเพื่อป้องปราม ระงับ

                                 และสลายการชุมนุม

                                 ที่ผ่านมารัฐได้นำากฎหมายพิเศษด้านความมั่นคงมาใช้กับการชุมนุมสาธารณะหลายครั้ง
               ซึ่งโดยหลักการกฎหมายพิเศษด้านความมั่นคงไม่สามารถนำามาใช้กับการชุมนุมสาธารณะได้ เนื่องจากการชุมนุม
               เป็นสิทธิและเสรีภาพตามหลักการของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เมื่อมีการชุมนุมขึ้นต้องนำากฎหมาย

               การชุมนุมสาธารณะมาใช้บังคับก่อน เว้นแต่การชุมนุมโดยสงบแปรเปลี่ยนไปสู่สถานการณ์วิกฤติ หรือการจลาจล
               ที่จะกระทบต่อความมั่นคง หรือก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยอย่างร้ายแรง จึงอาจนำากฎหมายพิเศษด้าน
               ความมั่นคงมาบังคับใช้เท่าที่จำาเป็น เพื่อให้สิทธิและเสรีภาพของประชาชนถูกกระทบน้อยที่สุด และไม่สมควรนำา

               พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พระพุทธศักราช ๒๔๕๗ มาใช้กับการชุมนุมไม่ว่ากรณีใดทั้งสิ้น

                                 คว�มเห็นและข้อเสนอ
                                 รัฐบาลไม่ควรบังคับใช้กฎหมายพิเศษด้านความมั่นคงควบคู่กับพระราชบัญญัติการชุมนุม
               สาธารณะฯ เมื่อมีการชุมนุมสาธารณะเกิดขึ้นควรใช้พระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะฯ ก่อน ต่อเมื่อสถานการณ์

               แปรเปลี่ยนเป็นจลาจลและกระทบต่อความมั่นคงของประเทศจึงค่อยใช้กฎหมายพิเศษด้านความมั่นคง โดย
               ต้องประกาศใช้กฎหมายที่มีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนน้อยที่สุดก่อน และไม่สมควรนำา

               พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พระพุทธศักราช ๒๔๕๗ มาใช้กับการชุมนุมไม่ว่ากรณีใดทั้งสิ้น


                           ๕.๒.๓  ประเด็นที่ ๓ การแปลความบทบัญญัติ
                                 ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำาวินิจฉัย ที่ ๑๑/๒๕๔๙ วันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๔๙ ตามที่

               ประธานรัฐสภาขอว่า  ร่างพระราชบัญญัติทางหลวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มาตรา ๒๐ ที่บัญญัติให้เพิ่ม
               ความต่อไปนี้ เป็นมาตรา  ๔๖/๑  แห่งพระราชบัญญัติทางหลวง  พ.ศ. ๒๕๓๕  โดยวรรคหนึ่ง  บัญญัติว่า  ห้ามมิให้

               ผู้ใดชุมนุมกันในเขตทางหลวงในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจร หรืออาจเป็นอันตรายหรือเสียหายแก่
               ยานพาหนะหรือผู้ใช้ทางหลวง เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากผู้อำานวยการทางหลวงหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมาย
               จากผู้อำานวยการทางหลวง หรือเป็นการเดินแถว ขบวนแห่ หรือชุมนุมกันตามประเพณีหรือวัฒนธรรม หรือ

               เป็นกิจกรรมเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรืออยู่ในเขตที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องขออนุญาตตามที่รัฐมนตรีประกาศ
               กำาหนด  และวรรคสอง บัญญัติว่า การขออนุญาตและการอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำาหนด

               ในกฎกระทรวง เป็นบทบัญญัติที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ มาตรา ๒๙
               และ ๔๔ เนื่องจากเป็นการจำากัดเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธเกินความจำาเป็น

                                 คว�มเห็นและข้อเสนอ
                                 ในการบังคับใช้ร่างพระราชบัญญัตินี้ รัฐบาลและหน่วยงานของรัฐที่มีอำานาจหน้าที่ไม่ควร
               แปลความ จนทำาให้การชุมนุมสาธารณะไม่อาจทำาได้จริง ไม่เช่นนั้นจะเป็นการขัดต่อหลักการของรัฐธรรมนูญ

               แห่งราชอาณาจักรไทย ตามแนวคำาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวข้างต้น
   27   28   29   30   31   32   33   34   35   36   37