Page 28 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 2 ระหว่าง มกราคม - มิถุนายน 2558
P. 28

26   ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
                  ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เล่ม ๒  ระหว่าง มกราคม – มิถุนายน ๒๕๕๘


                           ๕.๑.๕  ประเด็นที่ ๕ หมวด ๒ การแจ้งการชุมนุมสาธารณะ

                                 ร่างมาตรา ๑๑ - ๑๖ กำาหนดให้ผู้ชุมนุมจะต้องมีหนังสือแจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้งก่อนเริ่ม

               การชุมนุมไม่น้อยกว่ายี่สิบสี่ชั่วโมง กรณีที่แจ้งไม่ทันก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่ายี่สิบสี่ชั่วโมง ต้องมีหนังสือแจ้ง
               การชุมนุมพร้อมคำาขอผ่อนผัน หากผู้รับคำาขอมีคำาสั่งไม่ผ่อนผันให้เป็นที่สุด และหนังสือแจ้งต้องมีรายละเอียด
               เกี่ยวกับการชุมนุมซึ่งจะเป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีประกาศกำาหนด  รวมทั้งให้ดุลพินิจแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ

               ในหลายประการ โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับแจ้งอาจมีคำาสั่งให้แก้ไข หรือห้ามการชุมนุม และในระหว่างมีคำาสั่ง
               ห้ามชุมนุม การอุทธรณ์และพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ให้งดการชุมนุมสาธารณะได้ รวมทั้งกำาหนดกรณีที่ให้ถือว่า
               เป็นการชุมนุมสาธารณะที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายไว้ในหลายกรณี

                                 คว�มเห็นและข้อเสนอ

                                 บทบัญญัติในหมวดดังกล่าวแม้กำาหนดให้ผู้ชุมนุมแจ้งเป็นหนังสือต่อเจ้าพนักงานถึงการ
               ชุมนุมเป็นการล่วงหน้า  แต่หากไม่แจ้งหรือแจ้งไม่ทันก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่ายี่สิบสี่ชั่วโมง มีผลเป็นการ

               ชุมนุมที่ไม่ชอบ จึงเป็นบทบัญญัติที่ถือเอาเรื่องการขออนุญาตเป็นหลัก  เท่ากับว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐมีอำานาจ
               ในการที่จะสั่งอนุญาตให้มีการชุมนุมหรือไม่อนุญาตให้มีการชุมนุม ซึ่งโดยหลักเสรีภาพในการชุมนุมนั้นไม่ใช่
               การขออนุญาต จึงไม่มีความจำาเป็นต้องขออนุญาต  และการชุมนุมในที่สาธารณะมักอยู่บนพื้นผิวของการจราจร

               การต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวมีผลเป็นการจำากัดสิทธิและเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจาก
               อาวุธ  และโดยหลักการของการแจ้งการชุมนุมสาธารณะต่อเจ้าพนักงานผู้รับแจ้ง  ควรมีวัตถุประสงค์ให้รัฐทราบว่า

               จะมีการชุมนุมเพื่อให้รัฐเตรียมการในการอำานวยความสะดวกและรักษาความสงบเรียบร้อยให้แก่ประชาชน
               ไม่ใช่เพื่อการขออนุญาตและควรเปิดโอกาสให้มีการแจ้งด้วยวาจาทางโทรศัพท์ หรือเป็นลายลักษณ์อักษร
               ทางโทรสาร หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์  ซึ่งหากมีความจำาเป็นที่ไม่อาจแจ้งล่วงหน้าได้  ผู้จัดการชุมนุมต้อง

               แจ้งโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้  ดังนั้น บทบัญญัติในหมวดดังกล่าวจึงไม่สอดคล้องกับหลักการส่งเสริมและ
               คุ้มครองเสรีภาพในการชุมนุมสาธารณะแต่เป็นการลิดรอนสิทธิและเสรีภาพดังกล่าว  จึงไม่เป็นไปตามหลักการ
               ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน  และกติการะหว่างประเทศว่าด้วย

               สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง สมควรปรับปรุงแก้ไขบทบัญญัติในหมวดดังกล่าวให้สอดคล้องกับหลักการ
               ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และกติการะหว่างประเทศฯ


                           ๕.๑.๖  ประเด็นที่ ๖ หมวด ๓ หน้าที่ของผู้จัดการชุมนุมและผู้ชุมนุม
                                 ร่างมาตรา ๑๗ - ๒๐ กำาหนดหน้าที่ของผู้จัดการชุมนุมและผู้ชุมนุมไว้หลายประการ เช่น

               ผู้จัดการชุมนุมต้องอยู่ร่วมการชุมนุมสาธารณะตลอดระยะเวลาในการชุมนุม  ผู้จัดการชุมนุมต้องดูแลและ
               รับผิดชอบการชุมนุมสาธารณะให้เป็นไปโดยสงบและปราศจากอาวุธ  ห้ามมิให้ผู้ชุมนุมก่อให้เกิดความไม่สะดวก

               ของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ หรือทำาให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนเกินที่พึงคาดหมายได้ว่าเป็นไปตามปกติ
               และเหตุอันควร  ห้ามผู้ชุมนุมปราศรัยหรือทำาให้ปรากฏต่อผู้ชุมนุมด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธี อื่นใดอันเป็นการ
               ยุยง ส่งเสริม ชักจูงผู้ชุมนุม ในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความเกลียดชัง หรืออาจทำาให้เป็นการชุมนุมที่ไม่สงบและ

               ปราศจากอาวุธ เป็นต้น
                                 คว�มเห็นและข้อเสนอ

                                 บทบัญญัติในหมวดดังกล่าวบางมาตราไม่อาจปฏิบัติได้ เช่น ผู้จัดการชุมนุมต้องอยู่ร่วม
   23   24   25   26   27   28   29   30   31   32   33