Page 29 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 2 ระหว่าง มกราคม - มิถุนายน 2558
P. 29

27
                                              ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
                                                     ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เล่ม ๒  ระหว่าง มกราคม – มิถุนายน ๒๕๕๘


                  การชุมนุมสาธารณะตลอดระยะเวลาในการชุมนุม  ผู้จัดการชุมนุมต้องดูแลและรับผิดชอบการชุมนุมสาธารณะ

                  ให้เป็นไปโดยสงบและปราศจากอาวุธ เนื่องจากผู้จัดการชุมนุมอาจมีภารกิจส่วนตัวที่ต้องออกนอกบริเวณที่
                  ชุมนุมในบางโอกาส  และผู้ชุมนุมมีจำานวนมากไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง หรือกรณีห้ามผู้ชุมนุมปราศรัย หรือทำาให้

                  ปรากฏต่อผู้ชุมนุมด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันเป็นการยุยง ส่งเสริม ชักจูงผู้ชุมนุม ในลักษณะที่อาจ
                  ก่อให้เกิดความเกลียดชัง หรืออาจทำาให้เป็นการชุมนุมที่ไม่สงบและปราศจากอาวุธ ซึ่งข้อความดังกล่าวอาจ
                  ก่อให้เกิดการตีความที่บิดเบือนไปจากเจตนารมณ์ของผู้พูด ซึ่งอาจทำาให้ผู้ชุมนุมต้องมีความรับผิดตามกฎหมายนี้

                  ดังนั้น บทบัญญัติในหมวดดังกล่าวจึงไม่สอดคล้องกับหลักการส่งเสริมและคุ้มครองเสรีภาพในการชุมนุมสาธารณะ
                  เป็นการลิดรอนสิทธิและเสรีภาพในการชุมนุมไม่เป็นไปตามหลักการของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
                  ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน  และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง

                  รวมทั้งข้อห้ามของผู้ชุมนุมตามร่างมาตรานี้ถูกบัญญัติอยู่ในประมวลกฎหมายอาญาและกฎหมายอื่นแล้ว จึงไม่
                  จำาเป็นต้องมีบทบัญญัติที่กำาหนดหน้าที่และข้อห้ามของผู้ชุมนุมในลักษณะนี้  ควรกำาหนดเพียงให้ผู้จัดการชุมนุม
                  และผู้ชุมนุมปฏิบัติตามกฎหมายเพียงพอแล้ว


                             ๕.๑.๗  ประเด็นที่ ๗ หมวด ๔ การคุ้มครองความสะดวกของประชาชนและการดูแล

                                    การชุมนุมสาธารณะ

                                    ร่างมาตรา  ๒๑ - ๒๘  บทบัญญัติในหมวดดังกล่าวมีลักษณะเป็นการจำากัดสิทธิและเสรีภาพ
                  ในการชุมนุมของประชาชนไว้หลายประการ เช่น

                                    ๑) กรณีที่ผู้ชุมนุมไม่แจ้งการชุมนุม หรือผู้รับแจ้งมีคำาสั่งห้ามการชุมนุม หรือไม่ผ่อนผัน
                  หรือผู้ชุมนุมไม่เลิกการชุมนุมภายในระยะเวลาที่แจ้งโดยไม่แจ้งขอขยายระยะเวลาภายในกำาหนดถือเป็นการชุมนุม

                  สาธารณะที่ไม่ชอบกฎหมาย เจ้าพนักงานมีอำานาจออกคำาสั่งให้ผู้ชุมนุมเลิกการชุมนุม
                                    คว�มเห็นและข้อเสนอ

                                    บทบัญญัติดังกล่าวเป็นการลิดรอนสิทธิและเสรีภาพในการชุมนุม ไม่เป็นไปตามหลักการ
                  ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และกติการะหว่างประเทศว่าด้วย
                  สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ที่รับรองสิทธิและเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ เพราะ

                  การชุมนุมเป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน  ส่วนคำาสั่งให้ยกเลิกการชุมนุมต้องเป็นกรณีที่การชุมนุมนั้นกระทบต่อ
                  ความมั่นคงของชาติ ความปลอดภัย การสาธารณสุข ศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ
                  ของบุคคลอื่นอย่างร้ายแรง จึงจะยกเลิกการชุมนุมได้มิใช่เพราะเหตุไม่ได้แจ้งการชุมนุม


                                    ๒) กรณีประกาศให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ควบคุมแล้วไม่ออก ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำาความผิด
                  ซึ่งหน้าและผู้ควบคุมสถานการณ์มีอำานาจจับ ค้น ยึด อายัด หรือรื้อถอนทรัพย์สินได้

                                    คว�มเห็นและข้อเสนอ
                                    การกำาหนดให้เจ้าพนักงานมีอำานาจจับ ค้น ยึด อายัด หรือรื้อถอนทรัพย์สินได้ขัดกับ

                  หลักการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่รับรองและคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพในชีวิต ร่างกาย และ
                  ทรัพย์สิน  การให้อำานาจเจ้าพนักงานกระทำาต่อเนื้อตัวร่างกาย (จับกุม ค้น) หรือกระทำาต่อทรัพย์สินต้องเป็น
                  กรณียกเว้นเท่านั้น และต้องผ่านการวินิจฉัยตามกระบวนการยุติธรรมทางศาล
   24   25   26   27   28   29   30   31   32   33   34