Page 101 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 2 ระหว่าง มกราคม - มิถุนายน 2558
P. 101

99
                                              ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
                                                     ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เล่ม ๒  ระหว่าง มกราคม – มิถุนายน ๒๕๕๘


                                    ๒)  ผู้แทนของสหพันธ์แรงง�นรัฐวิส�หกิจแห่งประเทศไทย

                                        การเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ ก่อน หรือจะแก้ไขกฎหมายเพื่อรองรับอนุสัญญาฯ ก่อน
                  ไม่มีความสำาคัญ  สิ่งสำาคัญ คือ การดำาเนินการให้สอดคล้องกับอนุสัญญาฯ ปัจจุบันมีกฎหมายหลายฉบับที่มี

                  แนวปฏิบัติด้านแรงงานสัมพันธ์ที่แตกต่างกันระหว่างลูกจ้างแต่ละอาชีพ เช่น ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ
                  และลูกจ้างภาคเอกชน  และเห็นว่าลูกจ้างภาคเอกชนและลูกจ้างภาครัฐวิสาหกิจ ควรอยู่ภายใต้กฎหมาย
                  แรงงานสัมพันธ์คนละฉบับ

                                    ๓)  ผู้แทนของมูลนิธิพิพิธภัณฑ์แรงง�นไทย
                                        เดิมแรงงานภาคเอกชนกับแรงงานภาครัฐวิสาหกิจอยู่ภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกัน

                  การจดทะเบียนและการเจรจาต่อรองใช้กระบวนการเดียวกัน ใช้ระบบศาลเดียวกัน เพียงแต่รัฐวิสาหกิจมีรัฐบาล
                  เป็นนายจ้าง แต่ลูกจ้างภาคเอกชนมีเอกชนเป็นนายจ้าง จึงควรให้แรงงานทั้งสองประเภทอยู่ภายใต้กฎหมาย
                  ฉบับเดียวกัน และควรเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ ฉบับที่ ๘๗ และ ฉบับที่ ๙๘ ไปก่อนแล้วจึงแก้กฎหมายภายใน


                             ๔.๓.๓  การรับฟังความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้านแรงงาน

                                    ๑)  น�ยบัณฑิตย์ ธนชัยเศรษฐวุฒิ (ผู้แทนมูลนิธิอ�รมณ์ พงศ์พงัน) ให้ความเห็น ดังนี้
                                        ๑.๑)  สำาหรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่ว่าอนุสัญญา ILO ทั้งสองฉบับ

                  อาจเข้าข่ายเป็นหนังสือสัญญาที่ต้องทำาตามหลักเกณฑ์มาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
                  พุทธศักราช ๒๕๕๐  ส่วนตัวเห็นว่า ไม่น่าจะเข้าข่ายเป็นหนังสือสัญญาดังกล่าว  นอกจากนี้ ถ้าประเทศไทย
                  เข้าเป็นภาคีก่อนแก้ไขกฎหมายก็จะมีเวลาประมาณ ๑ ปี ในการแก้ไขกฎหมาย  เนื่องจากต้องมีขั้นตอนการ

                  จดทะเบียนการเข้าเป็นภาคี  ข้อดีของการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ ๘๗
                  และฉบับที่ ๙๘ ได้แก่ หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องได้แลกเปลี่ยนในสาระสำาคัญของอนุสัญญาและกฎหมาย

                  ที่ไม่สอดคล้องกับอนุสัญญามีการแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกับอนุสัญญาฯ  ภาคประชาสังคมได้เข้ามามี
                  ส่วนร่วมแสดงความเห็นในการแก้ไขกฎหมายซึ่งจะช่วยให้กฎหมายมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
                                        ขณะนี้ องค์การแรงงานระหว่างประเทศมีสมาชิกมากกว่า ๑๘๐ ประเทศ มี ๑๕๒

                  ประเทศรับรองอนุสัญญาฯ ฉบับที่ ๘๗ และมี ๑๖๓ ประเทศรับรองอนุสัญญาฯ ฉบับที่ ๙๘  ประเทศในอาเซียน
                  ที่ยังไม่รับรองทั้งอนุสัญญาฯ ฉบับที่ ๘๗ และ ๙๘ คือ ประเทศไทย บรูไน ลาว เวียดนาม ผลกระทบของการไม่ทำา
                  ตามอนุสัญญาทั้งสองฉบับ คือ การไม่ถูกเชิญเข้าร่วมกิจกรรมขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ

                                        ๑.๒)  มีข้อสังเกตว่า  คนทำางานในอนุสัญญาทั้งสองฉบับใช้คำาว่า “workers”
                  ขณะที่ร่างพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ....  และร่างพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. ....
                  ทั้งสองฉบับ ใช้คำาว่า “ลูกจ้าง”  ซึ่งมีความหมายแคบกว่า คำาว่า “คนทำางาน” อันจะรวมถึงคนทำางานทุกประเภท

                  ได้แก่ ผู้รับงานมาทำาที่บ้าน ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ  โดยไม่เน้นนายจ้างหรือหน่วยงานเจ้าสังกัด  แต่เน้น
                  ความสามารถในการทำางาน และจะมีกฎหมายแรงงานของคนทำางานแต่ละประเภทแยกจากกันก็ได้  และต้อง

                  ไม่จำากัดเสรีภาพในการรวมตัวของคนทำางานดังกล่าวด้วยเหตุผลว่า อยู่ภายใต้กฎหมายคนละฉบับอย่างคนทำางาน
                  ในสถาบันการเงิน เช่น ธนาคารไม่ว่าจะเป็นภาคเอกชนหรือรัฐวิสาหกิจ  ก็ควรรวมตัวกันจัดตั้งสหภาพแรงงานได้
                  จึงดูเหมือนว่าการบัญญัติหรือแก้ไขกฎหมายที่เสนอโดยส่วนราชการจะคำานึงถึงความสะดวกในการทำางานของ

                  ตนมากกว่าการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิในการรวมตัวที่สอดคล้องตามมาตรฐานระหว่างประเทศหรืออนุสัญญา
   96   97   98   99   100   101   102   103   104   105   106