Page 57 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง เพื่อปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 57

สํานักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหงชาติ
                National Human Rights Commission of Thailand

                โดยคนรํ่ารวยซึ่งมีจํานวนนอย ขณะที่ประชาชนจํานวนมากยากจนไรที่ดินทํากิน หรือมีแตเปนจํานวนนอย

                ไมพอตอการทํามาหากิน และระเบียบของคณะกรรมการจัดที่ดินแหงชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2532) ซึ่งไดยกเลิก
                ระเบียบที่เคยประกาศใชมารวมทั้งสิ้น 3 ฉบับ เพื่อแกไขใหสอดคลองกับบทบัญญัติของกฎหมาย อันสงผลใหมี

                การเปลี่ยนแปลงหลักการที่สําคัญในการเดินสํารวจออกโฉนดที่ดินใหแกบุคคลที่ครอบครองและทําประโยชน
                ในที่ดินภายหลังจากวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใชบังคับและไมมีใบจองใบเหยียบยํ่า หรือหลักฐานวาเปนผูมีสิทธิ

                ตามกฎหมายวาดวยการจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ ตามมาตรา 58 ทวิ วรรคสอง (3) แหงประมวลกฎหมายที่ดิน
                ทําใหเปนการขยายโอกาสใหผูบุกรุกที่ดินของรัฐหรือผูที่เขาครอบครองทําประโยชนโดยไมชอบดวยกฎหมาย

                มีสิทธิไดรับหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินมากยิ่งขึ้น
                         นอกจากนี้ ยังพบวา มีใบจอง (น.ส.2) เปนจํานวนมากตกคางไมสามารถทําการเดินสํารวจออกโฉนด

                ที่ดินได เนื่องจาก มีเงื่อนไขวาเมื่อไดรับใบจองแลวตองเขาทําประโยชนภายในหกเดือน นับแตวันไดรับใบจอง
                และทําประโยชนใหแลวเสร็จภายใน 3 ป การทําประโยชนใหแลวเสร็จหมายถึง การทําประโยชนประมาณ

                3  ใน 4  สวน  ตามระเบียบคณะกรรมการจัดที่ดินแหงชาติ  พ.ศ. 2498  ใบจองเปนหนังสือแสดงการ
                ยอมใหเขาครอบครองที่ดินชั่วคราว จึงมีปญหาในกรณีที่จะโอนที่ดินใหบุคคลอื่นในทางทะเบียนซึ่งจะกระทํา

                ไดเฉพาะในกรณีที่ไดรับโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนในที่ดินดังกลาวแลวเทานั้น หากยังไมไดรับ
                หนังสือแสดงสิทธิในที่ดินดังกลาว ก็ไมมีทางโอนที่ดินนั้นใหบุคคลอื่นทางทะเบียนไดและเมื่อศึกษาระเบียบ

                ของคณะกรรมการจัดที่ดินแหงชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2532) โดยมีวัตถุประสงคหลายประการ แตประการสําคัญ
                ไดแก การแกไขเพื่อใหสอดคลองกับบทบัญญัติของกฎหมาย เนื่องจากระเบียบเดิมมีการกําหนดที่เกินตัวบท

                โดยเฉพาะมาตรา 58 ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน อันสงผลใหมีการเปลี่ยนแปลงหลักการที่สําคัญ
                ในกรณีการเดินสํารวจออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินใหแกบุคคลที่ครอบครองและทําประโยชนในที่ดิน

                ภายหลังจากวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใชบังคับและไมมีใบจองฯ  ตามมาตรา58  ทวิ  วรรคสอง (3)
                แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งเดิมไดกําหนดใหเฉพาะบุคคลที่ครอบครองและทําประโยชนในที่ดินอยูกอน

                วันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2512 เทานั้น จึงจะมีสิทธินําพนักงานเจาหนาที่เดินสํารวจออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือ
                รับรองการทําประโยชนได แตตามระเบียบของคณะกรรมการจัดที่ดินแหงชาติ ฉบับที่ 12 มิไดมีการกําหนด

                ระยะเวลาดังกลาวไวแตประการใด อันทําใหเปนการขยายโอกาสใหผูบุกรุกที่ดินของรัฐหรือผูที่เขาครอบครอง
                ทําประโยชนโดยไมชอบดวยกฎหมายมีสิทธิไดรับหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินมากยิ่งขึ้น

                         2.  ปญหาการเดินสํารวจออกโฉนดที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ในการเดินสํารวจ
                ออกโฉนดที่ดินของจังหวัดขอนแกน ปงบประมาณ พ.ศ. 2550 เจาหนาที่ไดปฏิเสธที่จะไมเขาดําเนินการ

                ใหแกประชาชนที่มีที่ดินอยูในพื้นที่ดําเนินการของสํานักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เปนเหตุใหเจาของที่ดิน
                จํานวน 51 ราย ฟองคดีตอศาลปกครองขอนแกน จากการศึกษาพบวา มาตรา 58 แหงประมวลกฎหมายที่ดิน

                ไดมีแกไขเพิ่มเติมหลายครั้ง เดิมเปนกรณีเดินสํารวจเฉพาะโฉนดที่ดินมิไดมีบทบัญญัติเกี่ยวกับเขตปาไมถาวร
                อยางใด ทั้งนี้ เนื่องจากการดําเนินการเกี่ยวกับเขตปาไมถาวรไดเริ่มเมื่อป พ.ศ. 2504 อันเปนระยะเวลา

                ภายหลังจากการประกาศใชบทบัญญัตินี้แลว แตเมื่อมีการแกไขเพิ่มเติมมาตรา 58 ในป พ.ศ. 2515 ไดขยาย




           36    รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง “เพื่อปรับปรุงแกไข
                 นโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนดานที่ดินและปาไม”
   52   53   54   55   56   57   58   59   60   61   62