Page 44 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง เพื่อปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 44

สํานักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหงชาติ
                                                                                               National Human Rights Commission of Thailand

               ประมวลกฎหมายที่ดินใชบังคับ แตมิไดแจงใหทางราชการทราบหรือแจงแลวทางราชการไมไดดําเนินการตอให

               หรือไมไดโฉนด เชน ชุมชนกลุมชาติพันธุ ชุมชนทองถิ่นดั้งเดิมที่อยูหางไกล ก็จะไมไดรับสิทธิตามประมวลกฎหมาย
               ที่ดิน และยิ่งเมื่อรัฐประกาศเขตปา และออกพระราชบัญญัติปาไม พุทธศักราช 2484 กําหนดใหปาคือที่ดิน

               ที่ยังมิไดมีบุคคลไดมาตามกฎหมายที่ดิน ก็ทําใหราษฎรในชนบทหางไกลหรือชุมชนที่อยูกับปา กลายเปนผูไรสิทธิ
               ในที่ดิน และถูกกลาวหาเปนผูบุกรุกปาทั้ง ๆ ที่เขาอยูอาศัยทํากินอยูที่เดิมของเขามาแตบรรพบุรุษ ยิ่งกวานั้น

               ยังมีที่ดินซึ่งชุมชนใชสอยรวมกัน เชน ที่ไรหมุนเวียน ที่ปาใชสอย ที่สาธารณประโยชน ปาบุงปาทาม พรุ หนองนํ้า
               ก็ตกเปนของรัฐตามกฎหมายที่แตละหนวยงานของรัฐใชอํานาจตามกฎหมายเขามาควบคุมดูแล อํานาจรัฐ

               ในการบริหารจัดการที่ดินจึงซอนทับอํานาจของราษฎรและชุมชนที่มีสิทธิตามธรรมชาติในที่ดินและทรัพยากร
               ที่เขาสืบทอดกันมาชานาน เมื่อราษฎรยืนยันสิทธิและใชที่ดินทํากินตามจารีตประเพณีของเขา จึงเกิดขอพิพาท

               ขัดแยงกับหนวยงานของรัฐและเมื่อหนวยงานของรัฐบังคับใชกฎหมายเหนือกฎเกณฑตามจารีตประเพณี
               จึงเกิดขอพิพาทขัดแยงและนําไปสูการละเมิดสิทธิในที่ดินและปาของราษฎร



               2.3 งานวิจัยที่ดิน

                        ที่ดินและปาไมที่สมบูรณเปนทรัพยากรพื้นฐานที่เชื่อมโยงกับการดํารงชีวิตและการประกอบอาชีพ
               ตามวิถีชีวิตและวัฒนธรรม ตลอดจนความมั่นคงทางอาหารและสภาวะแวดลอมของสังคม โดยรวมประเทศไทย

               ยังมีที่ดินที่อุดมสมบูรณพอเพียงเมื่อเทียบกับจํานวนประชากร 65 ลานคน เกษตรกรควรจะมีที่ดินเฉลี่ย
               คนละ 22 ไรตามขอมูลของสํานักงานเศรษฐกิจการเกษตร แตความเปนจริงกลับไมเปนเชนนั้น ราษฎรชาวไทย

               ตองเผชิญกับปญหาการขาดแคลนที่ดินในการผลิตมาโดยตลอด นโยบายรัฐยังคงมุงกระตุนเศรษฐกิจเปดชอง
               ใหนักลงทุนตางชาติเขามาซื้อขายครอบครองที่ดินไดโดยเสรี ทําใหเกิดการแกงแยงที่ดินและทรัพยากร

               ที่ทวีความรุนแรงและเขมขนมากยิ่งขึ้นแทบทุกรูปแบบ ดังปรากฏในรายงานสถานการณปญหาที่ดินในสังคมไทย
               มาอยางตอเนื่อง

                        งานวิจัยที่ดินในชวงแรกอธิบายการปฏิรูปที่ดินรัฐ เชน งานวิจัยเรื่องวิวัฒนาการของการปฏิรูปที่ดิน
               ในประเทศไทย : ศึกษาเฉพาะกรณีการออกกฎหมายปฏิรูปที่ดิน (พ.ศ. 2475 - พ.ศ. 2518) โดย วีรวัฒน อริยะ,

               วิริยานันท พุทธกาลรัชธร และแล ดิลกวิทยรัตน ชี้ใหเห็นวา ปญหาความขัดแยงในการใชประโยชน
               ฐานทรัพยากรธรรมชาติในสังคมไทยเกิดขึ้นมานานแลวตั้งแตยุคศักดินา ครั้งกรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา

               จนถึงตอนตนกรุงรัตนโกสินทร กรรมสิทธิ์ที่ดินถูกแยกเปนสองสวน  พระเจาแผนดินเปนเจาของที่ดิน (Ownership)
               ราษฎรไดสิทธิในการใชประโยชนทํากินแลกกับการสงสวยและเกณฑแรงงานผานระบบเจาขุนมูลนายซึ่งดูแลแทน

               พระมหากษัตริยอีกทอดหนึ่ง ระบบเศรษฐกิจในชวงนี้เปนเศรษฐกิจแบบพอยังชีพ (Subsistence Economy)
               ที่ดินถูกใชเปนปจจัยในการยังชีพ โครงสรางสวนบนและโครงสรางสวนลางสอดคลองสัมพันธกัน จนถึงภายหลัง

               การลงนามสนธิสัญญาเบาวริ่งในป พ.ศ. 2398 ทําใหฐานทางเศรษฐกิจของไทยเปดเชื่อมตอกับระบบเศรษฐกิจโลก
               เนื่องจากแรงกดดันของมหาอํานาจในการเสาะแสวงหาแหลงวัตถุดิบและตลาดสําหรับระบายสินคาและทุน

               ซึ่งมาพรอมกับลัทธิการลาอาณานิคม พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัวรัชกาลที่ 5 ไดปรับปรุง




                                                                       รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง “เพื่อปรับปรุงแกไข  23
                                                                นโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนดานที่ดินและปาไม”
   39   40   41   42   43   44   45   46   47   48   49