Page 226 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง เพื่อปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 226

สํานักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหงชาติ
                                                                                               National Human Rights Commission of Thailand

                        1. ที่ดินที่ทางราชการสงวนหวงหามไวนั้น ไดสงวนหวงหามไว ตั้งแตเมื่อใด ผูใดประกาศหวงหาม

               อาศัยอํานาจตามกฎหมายใด มีหลักฐานอยางใดบาง ประชาชนไดใชประโยชนรวมกันมาอยางใด ตั้งแตเมื่อใด
               ในปจจุบันยังใชประโยชนรวมกันอยูหรือเลิกใชแลว ตั้งแตเมื่อใด เพราะเหตุใด

                        2. ทางนํ้า หนอง บึง นั้น ประชาชนไดใชประโยชนรวมกันมาอยางใด มีบริเวณตื้นเขินหรือไมเพียงใด
               การตื้นเขินนั้นเปนไปในลักษณะใด กลาวคือ มีบุคคลทําใหเกิดขึ้นหรือเปนไปโดยธรรมชาติ

                        3.  ถนน ทางเดิน นั้น มีความเปนมาอยางไร กลาวคือ เจาของที่ดินอุทิศใหโดยตรงหรือโดยปริยาย
               หรืออยางใด ทางเสนนี้เริ่มจากที่ใดถึงที่ใด ใชกันอยางไร เปนทางซึ่งสาธารณชนใชหรือใชเฉพาะเจาของที่ดิน

               ในละแวกนั้น
                        4.  ที่ชายตลิ่งนั้น ตามปกตินั้นนํ้าทวมถึงหรือไม เพียงใด ทวมถึงทุกปหรือไม เปนระยะเวลานานเทาใด

               ประชาชนไดใชประโยชนรวมกันหรือไมอยางไร หรือมีผูใดใชประโยชนหรือไม
                        5.  ตองสืบและแสดงรายละเอียดแหงขอเท็จจริง พฤติการณและความเสียหายจากการกระทํา

               ที่ปรากฏขึ้นจริงโดยไมตองใสความคิดเห็นหรือคําวินิจฉัยของผูสืบสวนหรือผูบันทึกการสืบสวนแตอยางใด
                        ตองสืบใหชัดถึงเจตนาที่มาของการกระทํา ตองมีการกระทําที่มาจากความตั้งใจโดยรูสํานึกในการกระทํา

               ที่วิญูชนพึงเขาใจไดวาเปนการทําลายหรือฝาฝนขอหาม กับทั้งเครื่องมือเครื่องหรือวัสดุอุปกรณที่ใชในการกระทํา
               ผิดตองเปนสิ่งที่ใชดวยวัตถุประสงคแหงการทําลาย

                        6.  สภาพพื้นที่ตองสืบใหทราบถึงขอบแดน เขตหามกระทํา เงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาใดที่อาจทําใหเกิด
               การผอนผันผอนปรนยกประโยชนแหงการกระทําที่อาจจะถือเปนความผิดในภายหนา รวมถึงการกระทําใหทราบ

               ถึงเขตแดน และการรับรูดังกลาว
                        7.  จัดทําแผนที่สังเขป แสดงเขตที่ดินหรือทางสาธารณประโยชนที่ดินขางเคียงและสวนที่มีผูบุกรุก

               เพื่อประกอบการพิจารณาดวย
                        8.  สืบจากผูสูงอายุ คนในชุมชนทองถิ่นดั้งเดิมและผูปกครองทองที่ทั้งในอดีตและปจจุบันที่เคยรูเห็น

               หรือใชประโยชน พรอมสืบถึงประเพณีและวิถีปฏิบัติของคนในชุมชนทองถิ่นดั้งเดิมในที่หรือทางสาธารณประโยชน
               มากอนเปนหลัก

                        9.  ในกรณีที่มีผูเกี่ยวของประสงคจะนําพยานหลักฐานอื่นมาเพิ่มเติม หรือประสงคจะใหผูมีอํานาจหนาที่
               ในการสืบสวนทําการสืบสวนพยานบุคคลใดหรือรวบรวมพยานหลักฐานอื่นใด ใหผูมีอํานาจหนาที่ในการสืบสวน

               พิจารณาดําเนินการตามความจําเปนและสมควร โดยใหความเปนธรรมแกคูกรณีทุกฝาย เปนตน
                        ขอเท็จจริง เปนพื้นฐานสําคัญในการปฏิบัติงาน การแสวงหาขอเท็จจริงตามขั้นตอนการออกหนังสือสําคัญ

               สําหรับที่หลวงตามกฎกระทรวงฉบับที่ 26 ออกตามความพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497
               เทียบวิธีการแสวงหาสืบคนขอเท็จจริงตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยวาดวยการสอบสวนเกี่ยวกับการบุกรุกที่

               หรือทางสาธารณประโยชน พ.ศ. 2539 พบการแสวงหาขอเท็จจริงตามขั้นตอนการออกหนังสือสําคัญสําหรับที่หลวง
               ยังไมรัดกุม รอบคอบ รอบดาน และครอบคลุมเพียงพอแกการวินิจฉัยในความเปนที่สาธารณประโยชน

               พบขอเท็จจริงที่ทางราชการสืบคนและนําไปปฏิบัติราชการประกอบดวยขอเท็จจริงหลายชุดในหนึ่งพื้นที่




                                                                       รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง “เพื่อปรับปรุงแกไข  205
                                                                นโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนดานที่ดินและปาไม”
   221   222   223   224   225   226   227   228   229   230   231