Page 221 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง เพื่อปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 221
สํานักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหงชาติ
National Human Rights Commission of Thailand
กับผูกระทําความผิด ตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย แตทั้งผูใหญบานและผูชวยผูใหญบาน
ไมกลาไปแจงความเนื่องจากเกรงอันตรายจะเกิดแกชีวิตเพราะอิทธิพลของนายทุน
อําเภอและจังหวัดเห็นวา การบุกรุกกระทํามา 3 ชวงและเปนที่นาเห็นใจผูซื้อปจจุบันเพราะไมทราบ
ขอมูลของที่ดินเพราะที่ดินติดเขตปาสงวนจํานวนมากมีแตหลักฐาน ส.ค.1 และ ภ.บ.ท.5 ไมอาจออกโฉนด
ไดเกือบทุกหมูบาน ควรแกไขปญหาการบุกรุกโดยจัดทําโครงการบริการจัดการใชประโยชนเพื่อแกไขปญหา
ความยากจนและพัฒนาใหราษฎรเชาทํากิน”
“ที่สาธารณประโยชนแปลงหนองเหลา จังหวัดอุบลราชธานี : ผูรองมีที่ดิน 2 แปลง แปลงที่ 1
เขาครอบครองทําประโยชนตั้งแต พ.ศ. 2509 ถึงปจจุบัน มีหนังสือรับรองการทําประโยชน น.ส.3 เลขที่ 230
เนื้อที่ 27 ไร แปลงที่ 2 เปนที่ดินไมมีเอกสารสิทธิเขาครอบครองทําประโยชน พ.ศ. 2509 ขอออกเอกสารสิทธิ
เมื่อ พ.ศ. 2524 เปน น.ส.3 ก เลขที่ 120 เนื้อที่ประมาณ 37 ไร ขายตอแกบุคคลอื่น
26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2516 กระทรวงมหาดไทยมีคําสั่งใหอําเภอเปนผูขอออกหนังสือสําคัญ
สําหรับที่หลวง จํานวน 15 ไร ตามที่สงวนไวเปนที่สาธารณประโยชนของหมูบานเมื่อ พ.ศ. 2535
5 ธันวาคม พ.ศ. 2547 ผูใหญบานนํารังวัดเพื่อออกหนังสือสําคัญสําหรับที่หลวงโดยไมแจงเจาของที่ดิน
ขางเคียงทราบกอน ไดเนื้อที่ 36 ไร รุกลํ้าที่ทํากินผูรองแปลงที่ 1 21 ไร ผูรองคัดคาน เจาหนาที่ที่ดินจังหวัด
ไมไดขอความเห็นไปใหสภาตําบลหรือองคการปกครองสวนทองถิ่นนัดประชุมหรือใหความเห็นโดยใหชาวบาน
ผูนําชุมชนฯ เขามีสวนรวมตัดสินใจ ที่ดินจังหวัดและอําเภอตรวจสอบ ความวาผูรองครอบครองทําประโยชน
ในที่สาธารณประโยชน โดยนําที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 230 ไปขอเปลี่ยนเปน น.ส.3 ก เลขที่ 120 เนื้อที่ 37 ไร
และแบงขายใหบุคคลภายนอก 2 แปลง คือ น.ส.3 ก เลขที่ 120 และ 121 แตที่ดิน น.ส.3 ก เลขที่ 120 และ 121
ไมมีในสารบบ”
“ที่สาธารณประโยชนทุงคลองปุด ทุงหาดทรายขาวและทุงบอนิง จังหวัดนครศรีธรรมราช : ที่ดิน
พิพาทมีการครอบครองทําประโยชน มีใบเหยียบยํ่า แบบแจงการครอบครอง ส.ค.1,หนังสือรับรองการทําประโยชน
น.ส.3 และน.ส.3 ก ประชาชนอาศัย 900 กวาครัวเรือน มหาวิทยาลัยวลัยลักษณฯ ขอใชที่ดินสาธารณประโยชน
ขอออกหนังสือสําคัญสําหรับที่หลวงทุงคลองปุดฯ เดิมมีเนื้อที่ 7,723 ไร ออก นสล. ไดเนื้อที่ 10,560 ไรเศษ
ตอมาขอออก นสล. อีก 1 แปลงไดเนื้อที่ 775 ไรรวมเนื้อที่ทั้งหมด 11,335 ไรเศษ ขอออก นสล. เพิ่มอีก 1 แปลง
ในที่สาธารณะประโยชนทุงบานไผ เดิมสงวนไวในเนื้อที่ 1,681 ไร ออก นสล. เนื้อที่ 1,911 ไรเศษ รวมเนื้อที่
ที่มหาวิทยาลัยขอใชทั้งหมด 13,346 ไรเศษทับซอนที่พิพาท กํานันและผูใหญบานลงลายมือชื่อรับรองแนวเขต
ชาวบานคัดคานวามีการขยายขอบเขตที่สาธารณประโยชนเกินความเปนจริง
เจาหนาที่มหาวิทยาลัยฯ และพวกบุกรุกนํากําลังพรอมรถแบ็คโฮไถทําลายตนยางพาราและไมผล
ของชาวบาน หลายครั้งตอเนื่องโดยไมฟงคําทักทวงจากผูเสียหาย เจาหนาที่ สปก. และเจาหนาที่ตํารวจ
เกิดกลุมชาวบานที่ไดรับผลกระทบ 3 กลุม กลุมที่ 1 ผูถือครองที่พิพาทเดิม ไมยินยอมอพยพ
ถูกมหาวิทยาลัยฯ ฟองขับไล คดีชั้นอุทธรณ กลุมที่ 2 ผูถือครองที่ดินเดิม(อีกพื้นที่) มีหลักฐานใบเหยียบยํ่า,
ส.ค.1, ภ.บ.ท.6 ถูกประกาศเขตปฏิรูปทับซอนจากการที่มหาวิทยาลัยฯ นําที่ดินไปจัดสรรเพื่อการแกปญหา
200 รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง “เพื่อปรับปรุงแกไข
นโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนดานที่ดินและปาไม”