Page 158 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง เพื่อปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 158
สํานักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหงชาติ
National Human Rights Commission of Thailand
ที่รัฐตองยอมรับและใหการคุมครองการใชสิทธิของชุมชน โดยประเด็นปญหานี้ยังเชื่อมโยงไปถึงปญหาอันเกิดจาก
การทําหนาที่ของผูใชกฎหมายอีกดวย ที่พบวา เจาหนาที่รัฐผูใชกฎหมายสวนใหญมีทัศนคติทางลบกับชุมชน
ในเขตปาไมเขาใจบริบททางสังคม และขาดความรูความเขาใจและศิลปะในการทํางานกับชุมชนและมักเจาหนาที่
ใชดุลพินิจมากเกินไปและมักใชไปในทางที่มิชอบ
ปญหาการหามใชประโยชนทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ปา การตัดสิทธิหามราษฎรใชประโยชน
ทรัพยากรธรรมชาติในเขตปาโดยมิไดพิจารณาวาวิธีการใชนั้นมีความยั่งยืนหรือเปนการทําลาย จึงขัดหลัก
สิทธิมนุษยชนที่เปนสากล และขัดกับรัฐธรรมนูญที่มีเจตนารมณใหชุมชนมีสิทธิที่จะอนุรักษหรือฟนฟูจารีต
ประเพณีภูมิปญญาทองถิ่น และมีสวนรวมในการจัดการ การบํารุงรักษา และการใชประโยชนทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดลอมอยางสมดุลและยั่งยืนตามมาตรา 66 ทั้งยังไมสอดคลองกับหลักธรรมาภิบาลและหลักนิติธรรม
เพราะชุมชนมีการใชประโยชนทรัพยากรธรรมชาติในการดํารงวิถีชีวิตดวยกฎเกณฑและกติกาที่ชุมชนของเขากําหนด
ดังนั้น จึงอาจกลาวไดวา การหามดังกลาวนั้น แทบจะทําใหชุมชนไมอาจดํารงวิถีชีวิตอยูไดเลย
อํานาจในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ เกิดขึ้นเนื่องจากบทบัญญัติของกฎหมายกําหนดใหพนักงาน
เจาหนาที่เทานั้นที่มีอํานาจ “จัดการ” ใด ๆ ในพื้นที่ปา ดังนั้นเมื่อเจาหนาที่ของหนวยงานปาไมเปนผูรางกฎหมาย
เปนผูใชบังคับกฎหมาย ติดตามการใชกฎหมาย และปรับปรุงแกไขกฎหมายกันเอง ซึ่งเปนกระบวนการจัดการ
ที่รวบอํานาจไวที่หนวยงานเดียวนั้น ยอมทําใหกฎหมายที่บังคับใชมีลักษณะที่ไมโปรงใส และไมเปนธรรม
ผลของเนื้อหาในกฎหมายและผูใชกฎหมายที่มีลักษณะเชนนี้ จึงทําใหมีประชาชนจํานวนมาก
อยูอาศัยทํากินโดยผิดกฎหมาย ตัวเลขป 2544 มีประชาชนประมาณ 4.6 แสนครัวเรือน หรือ 1 ใน 5
ของประชากรไทยตองอยูอาศัยทํากินโดยผิดกฎหมายปาไมสะทอนใหทราบถึงความผิดพลาดบกพรองของการใช
อํานาจที่ไมเปนธรรมเชนนี้
ทั้งนี้ แมวาชุมชนจะมีวิถีวัฒนธรรมและความเชื่อในการจัดการและใชประโยชนทรัพยากรธรรมชาติ
ในรูปแบบที่ไมกระทบกับระบบนิเวศทางธรรมชาติซึ่งก็เปนไปตามเจตนารมณของกฎหมาย แตก็ไมอาจดําเนินการ
ใด ๆ ได เพราะขัดกับบทบัญญัติของกฎหมาย เชน กรณีการดําเนินนโยบายโฉนดชุมชนที่จนถึงขณะนี้
ก็ยังไมสามารถดําเนินการไดโดยเฉพาะในพื้นที่ปาอนุรักษ เนื่องจากกรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช
กลาววา เพราะกฎหมายปาไมไมไดเปดชองใหดําเนินการได โดยหากจะดําเนินการตามนโยบายดังกลาว
ก็ตองเพิกถอนพื้นที่ปาออกจากกฎหมายที่บังคับใชอยูเทานั้น ดังนั้น แมในบทบัญญัติของกฎหมายวาดวยปาไม
จะมิไดปดกั้นการใชสิทธิของชุมชนในการจัดการและใชประโยชนทรัพยากรธรรมชาติ แตก็มิไดเอื้ออํานวย
ตอการใชสิทธิของชุมชนดวยเชนกัน เนื่องจากกฎหมายกําหนดใหพนักงานเจาหนาที่เทานั้นที่มีอํานาจดําเนินการ
ในพื้นที่ปาได จึงทําใหการใชสิทธิของชุมชนดังกลาวตองขึ้นอยูกับดุลพินิจในการบังคับใชกฎหมายของเจาหนาที่
ผูมีอํานาจตามกฎหมาย ซึ่งหากเจาหนาที่มีวิธีคิดที่ไมยอมรับสิทธิชุมชน ก็อาจจะบังคับใชกฎหมายในลักษณะ
ที่ละเมิดสิทธิชุมชนได
รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง “เพื่อปรับปรุงแกไข 137
นโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนดานที่ดินและปาไม”