Page 78 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติกับการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนในความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนด้วยกัน
P. 78

โดยกรมคุมครองสิทธิและเสรีภาพมีอํานาจหนาที่และภารกิจเกี่ยวกับสิทธิและเสรีภาพของ

               ประชาชนพึงไดรับตามกฎหมาย ทําหนาที่จัดระบบการบริหารจัดการสงเสริมและพัฒนาดานการคุมครองสิทธิและ
               เสรีภาพของประชาชน โดยสงเสริมและสนับสนุนใหประชาชนมีความรูเกี่ยวกับการคุมครองสิทธิเสรีภาพ นอกจากนี้

               ยังทําหนาที่พัฒนาระบบและหามาตรการดําเนินการชวยเหลือประชาชนที่ตกเปนเหยื่ออาชญากรรม รวมทั้ง

               ดําเนินการชวยเหลือทางการเงินแกผูเสียหายและจําเลยในคดีอาญา ซึ่งมิไดเปนผูกระทําความผิดตามกฎหมายวาดวย
               คาตอบแทนผูเสียหายและคาทดแทนและคาใชจายแกจําเลยในคดีอาญา ทําหนาที่สงเสริมและพัฒนาการระงับ

               ขอพิพาทในสังคม ดําเนินการคุมครองพยานตามกฎหมายวาดวยการคุมครองพยานในคดีอาญา ประสานงานคุมครอง
               สิทธิและเสรีภาพกับภาครัฐและภาคเอกชนทั้งในและตางประเทศ รวมทั้งติดตามและประเมินการดําเนินการ

               ดานคุมครองสิทธิและเสรีภาพ เปนตน 117

                                  3)   องคกรในฝายตุลาการ
                                   สําหรับการพิจารณาองคกรในฝายตุลาการที่ทําหนาที่คุมครองสิทธิและเสรีภาพแก

               ประชาชนนั้นอาจแยกพิจารณาออกเปน การคุมครองสิทธิและเสรีภาพโดยศาลยุติธรรม การคุมครองสิทธิและ

               เสรีภาพโดยศาลปกครอง และการคุมครองสิทธิและเสรีภาพโดยศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งรายละเอียดมีดังนี้
                                   (1) การคุมครองสิทธิและเสรีภาพโดยศาลยุติธรรม

                                       ในมาตรา 218  ของรัฐธรรมนูญไดกําหนดเขตอํานาจของศาลยุติธรรมไว

               โดยบัญญัติวา “ศาลยุติธรรมมีอํานาจพิจารณาพิพากษาคดีทั้งปวง เวนแตคดีที่รัฐธรรมนูญนี้หรือกฎหมายบัญญัติ
               ใหอยูในอํานาจศาลอื่น” ประกอบกับมาตรา 28 วรรคสองของรัฐธรรมนูญ บัญญัติวา “บุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิ

               และเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญรับรองไวสามารถยกบทบัญญัติแหงรัฐธรรมนูญนี้เพื่อใชสิทธิทางศาลหรือยกขึ้นเปน
               ขอตอสูคดีในศาลได” จากบทบัญญัติสองมาตรานี้แสดงถึงเขตอํานาจของศาลยุติธรรมในการทําหนาที่ตัดสินคดี

               กรณีที่บุคคลผูถูกละเมิดสิทธิและเสรีภาพยกขึ้นตอสูในคดีทั่วไปที่มิไดอยูในเขตอํานาจของศาลอื่น อันไดแก

               ศาลปกครอง ศาลทหาร และศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อเกิดกรณีขอพิพาทจนมีการฟองรองคดีมายังศาลยุติธรรมและ
               คูความไดยกบทบัญญัติในเรื่องสิทธิและเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญรับรองขึ้นเปนขอตอสู ศาลยุติธรรมยอมมีหนาที่

               ในการนําบทบัญญัติแหงกฎหมายในเรื่องดังกลาวมาใชในการตัดสินขอเท็จจริงวามีกรณีการละเมิดสิทธิและ
               เสรีภาพของคูความเกิดขึ้นหรือไม

                                       นอกจากนี้แลว  ในกรณีที่บทบัญญัติแหงกฎหมายที่ศาลใชในการตัดสินคดี

               มีลักษณะตองดวยบทบัญญัติมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญ กรณีนี้หากศาลเห็นเองหรือคูความโตแยงวากฎหมาย
               ฉบับนั้นขัดหรือแยงกับรัฐธรรมนูญและยังไมเคยมีคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในสวนที่เกี่ยวกับบทบัญญัตินั้น ๆ

               มากอน ศาลที่กําลังพิจารณาคดีตองรอการพิจารณาพิพากษาคดีไวชั่วคราวแลวอาศัยอํานาจตามมาตรา 211 ของ

               รัฐธรรมนูญ สงความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อตัดสินวาบทบัญญัติของกฎหมายดังกลาวขัดหรือแยงกับ
               รัฐธรรมนูญหรือไม กรณีนี้จึงหมายความรวมถึงกรณีที่บทบัญญัติแหงกฎหมายขัดหรือแยงกับสิทธิและเสรีภาพ

               ที่รัฐธรรมนูญรับรองไวดวยเชนกัน





               117  กุลพล พลวัน, สิทธิมนุษยชนในสังคมโลก, (กรุงเทพฯ : สํานักพิมพนิติธรรม, 2547), น. 196 - 199.

                                                                                                               59
   73   74   75   76   77   78   79   80   81   82   83