Page 32 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติกับการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนในความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนด้วยกัน
P. 32

สัญญาประชาคมตามแนวความคิดของ John Locke ทั้งนี้ เพื่ออธิบายถึงที่มาและขอจํากัดอํานาจของรัฐหรือ

               ผูปกครอง โดยอางวาในสภาวะธรรมชาติมนุษยทุกคนเทาเทียมกันและมีเสรีภาพอยางเต็มที่ในการกําหนดตนเอง
               และเมื่อมีการลวงละเมิดกันเกิดขึ้น มนุษยทุกคนก็มีอํานาจที่จะบังคับตามสิทธิที่ตนมีอยูไดดวยตนเอง ทําใหเกิด

               ความไมมั่นคงปลอดภัยตอไปในสภาวะธรรมชาติ และเพื่อความมั่นคงปลอดภัยและความสงบเรียบรอยในสภาวะ

               ธรรมชาติ มนุษยจึงตกลงเขาทําสัญญาอยูรวมกันเปนสังคมและจัดตั้งรัฐบาลขึ้นเพื่อทําหนาที่ปกครองรักษา
               ความสงบเรียบรอยและอํานวยความยุติธรรมใหเกิดขึ้นในสังคมเรียกวา สัญญาประชาคม (Social Contract)

               โดยประชาชนแตละคนยอมสละสิทธิบางสวนของตน คือ สิทธิที่จะบังคับกันเองใหรัฐหรือรัฐบาลซึ่งไดจัดตั้งขึ้น
               ตามสัญญา แตทุกคนยังสงวนสิทธิในชีวิต เสรีภาพ และทรัพยสินอันเปนสิทธิธรรมชาติของมนุษยไว ซึ่งรัฐหรือ

               บุคคลใดจะทําลายลวงละเมิดหรือขัดขวางสิทธิดังกลาวไมได และเมื่อใดที่รัฐหรือรัฐบาลทําผิดเงื่อนไขที่ตกลงไว

               ในสัญญา โดยการละเมิดสิทธิธรรมชาติของประชาชน ถือวารัฐไดกระทําการอันเปนการฝาฝนความไววางใจ
               ของประชาชนตามสัญญาซึ่งเปนเงื่อนไขสําคัญแหงการมีอํานาจของรัฐ ประชาชนผูถูกปกครองยอมมีอิสระ

               ในการถอดถอนหรือลมลางรัฐหรือผูปกครองที่ทําผิดสัญญาได และอิสระในการถอดถอนหรือลมลางผูปกครอง

                                                                       36
               ดังกลาว คือ สิทธิธรรมชาติในการลงโทษผูปกครองของผูถูกปกครอง  ซึ่งตอมาเรียกวา “สิทธิมนุษยชน”

                      1.1.2 รากฐานความคิดเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน

                             1)  แนวคิดเกี่ยวกับกฎหมายธรรมชาติ

                                แนวคิดเรื่องกฎหมายธรรมชาติเริ่มตนตั้งแตสมัยกรีกโรมันและมีอิทธิพลทางความคิดเกี่ยวกับ
               กฎหมายเรื่อยมาจนกระทั่งปจจุบัน เนื่องจากมนุษยตองการแสวงหาความยุติธรรมของมนุษยชาติในฐานะที่เปน

               อุดมคติของกฎหมายเมื่อสังคมและกฎหมายอยูในสภาพที่ไมพึงปรารถนา  กลาวคือ เมื่อมีวิกฤตการณทางสังคม
                                                                           37
               หรือการเมืองเกิดขึ้นจากความขัดแยงกันระหวางคนในสังคมดวยกัน หรือระหวางผูปกครองกับผูถูกปกครอง

               อันเนื่องมาจากการการใชอํานาจที่ปราศจากความเปนธรรมของผูปกครอง และกฎหมายบานเมืองไมสามารถจะแกไข

               ปญหาความขัดแยงดังกลาวได กฎหมายธรรมชาติจึงถูกกลาวอางขึ้นในฐานะเปนหลักประสานความขัดแยงระหวาง
               คนในสังคมและเปนเหตุผลในการเรียกรองสิทธิเสรีภาพและตอสูกับการใชอํานาจรัฐที่ไมเปนธรรมดังกลาว โดยอาง

               วาในสภาวะธรรมชาติมีกฎเกณฑตาง ๆ ที่เกิดขึ้นเองโดยไมมีผูใดบงการเรียกวา “เหตุผลของเรื่อง” ควบคุมปกครอง
               และผูกมัดมนุษยทุกคน และเหตุผลอันเดียวกันนี้ก็มีอยูในตัวมนุษยดวยเชนกัน มนุษยจึงสามารถใชเหตุผลที่วานี้

               ทําความเขาใจและเขาถึงกฎเกณฑตาง ๆ เหลานั้นได และเหตุผลอันเปนกฎเกณฑที่เรียกวากฎหมายธรรมชาติ

               ดังกลาว ไดสอนมนุษยทั้งมวลผูพิจารณาเห็นกฎธรรมชาตินี้วา 38
                                “โดยที่ชีวิตทั้งหมดลวนเสมอภาคเทาเทียมกันและเปนอิสระทั่วกัน จึงไมมีผูใดอาจทําอันตราย

               ผูอื่นในดานชีวิต สุขภาพ อิสรภาพ และทรัพยสมบัติ...






               36   จรัญ  โฆษณานันท, อางแลว เชิงอรรถที่ 7, น. 113.
               37   สมยศ  เชื้อไทย, นิติปรัชญาเบื้องตน,พิมพครั้งที่ 10, (กรุงเทพมหานคร : สํานักพิมพวิญูชน, 2549), น. 73.
               38   ในงานเขียนของ John Locke เรื่อง “หนังสือเลมที่ 2 วาดวยรัฐบาลพลเรือน” (Second Treatise of Civil Government) ใน จรัญ  โฆษณานันท,
                 อางแลว เชิงอรรถที่ 7, น. 110 - 112.

                                                                                                               13
   27   28   29   30   31   32   33   34   35   36   37