Page 47 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง การเลือกปฏิบัติในการประกอบอาชีพของผู้ติดเชื้อเอชไอวี
P. 47

20  รายงานการศึกษาวิจัย
              การเลือกปฏิบัติในการประกอบอาชีพของผูติดเชื้อเอชไอวี



                     เพื่อประโยชนในการศึกษาเปรียบเทียบ การศึกษาครั้งนี้มีเกณฑในการคัดเลือกกรณีศึกษาดังตอไปนี้
                     1. ประเทศที่ไดรับการยอมรับจากประชาคมโลกวามีความกาวหนาในการพัฒนากฎหมายและนโยบาย

              เกี่ยวกับดานเอดสในลําดับตน ๆ และดวยผลของการมีกฎหมายและนโยบายฯ รวมถึงการบังคับใชกฎหมายอยางมี
              ประสิทธิภาพ ทําใหกลุมผูติดเชื้อเอชไอวีไดรับการคุมครองดานสิทธิและไดรับการเยียวยาในกรณีที่สิทธิถูกละเมิด

              ไดแก เครือรัฐออสเตรเลีย
                     2. ประเทศที่มีการบัญญัติกฎหมายวาดวยการขจัดการเลือกปฏิบัติตอผูติดเชื้อเอชไอวีเปนการเฉพาะ

              ไดแก สาธารณรัฐฟลิปปนส
                     3. ประเทศที่มีการบัญญัติกฎหมายวาดวยการขจัดการเลือกปฏิบัติตอผูติดเชื้อเอชไอวี ในมุมมองของ

              กฎหมายวาดวยความเสมอภาค ไดแก สหราชอาณาจักร


                     2.2.1  เครือรัฐออสเตรเลีย
                            เครือรัฐออสเตรเลียไดรับการยอมรับจากนานาประเทศในฐานะประเทศที่มีกฎหมายและนโยบาย

              ในการแกไขปญหาเกี่ยวกับโรคเอดสที่กาวหนามากที่สุดอีกแหงหนึ่ง และเปนประเทศตนแบบที่สําคัญในการพัฒนา
              กฎหมายเกี่ยวกับการขจัดการเลือกปฏิบัติใหกับประเทศตาง ๆ อาทิ สหรัฐอเมริกา ฮองกง และ นิวซีแลนด 34

              จากการศึกษาทบทวนกรอบกฎหมายของเครือรัฐออสเตรเลีย พบวา การเลือกปฏิบัติตอผูติดเชื้อเอชไอวีถือเปน
              การละเมิดกฎหมายทั้งในระดับประเทศและระดับมลรัฐ สําหรับกรอบกฎหมายระดับประเทศของเครือรัฐออสเตรเลีย

              ที่เกี่ยวของกับการขจัดการเลือกปฏิบัติตอผูติดเชื้อเอชไอวี มีดังตอไปนี้
                            -  Commonwealth of Australia Constitution Act of 9 July 1900

                            -   Human Rights and Equal Opportunity Commission Act 1986
                            -   Privacy Act 1988

                            -   Disability Discrimination Act 1992 (amendment up to Act. No. 169 of 2012) 35
                            -   Fair Work Act 2009

                            พระราชบัญญัติ Disability Discrimination Act 1992 (DDA) ถือเปนกฎหมายหลักที่สําคัญที่ให
              ความคุมครองผูติดเชื้อเอชไอวีจากการถูกเลือกปฏิบัติสําหรับขอบเขตการบังคับใชกฎหมาย แมวากฎหมายฉบับนี้

              ไมไดกลาวถึงการเลือกปฏิบัติตอผูติดเชื้อเอชไอวีโดยเฉพาะ แตเมื่อพิจารณาจากคําจํากัดความของความพิการและ
              เจตนารมณของกฎหมายจะเห็นไดวาความพิการใหตีความครอบคลุมถึงสภาวะสุขภาพอีกทั้งยังไมไดกําหนด

              เงื่อนเวลาของความพิการหรือสภาวะสุขภาพ กลาวคือ กฎหมายจะใหความคุมครองครอบคลุมไปถึงสภาวะ
              สุขภาพ ทั้งในอดีต ปจจุบัน และอนาคต นอกจากนี้ กฎหมายฉบับนี้ยังขยายความคุมครองผูที่เกี่ยวของกับ

              ผูติดเชื้อเอชไอวี อาทิ สมาชิกในครอบครัวของผูติดเชื้อเอชไอวี หรือผูที่นาจะหรือเชื่อวาเปนผูอาศัยอยูรวมกับ
              เชื้อเอชไอวี เปนตน  กฎหมายไดกําหนดขอบเขตการหามมิใหมีการเลือกปฏิบัติตอผูติดเชื้อเอชไอวี ในกรณีการ
                               36
              จางงาน การศึกษา การเขาไปยังสถานที่ตาง ๆ การจัดใหบริการและเครื่องอํานวยความสะดวก การจัดที่พักอาศัย
              และอื่น ๆ 37


              34   DC Jayasuriya, HIV Law, Ethics and Human Rights – Text and Materials, (New Delhi: UNDP),1995  p.103
              35   http://www.comlaw.gov.au/Details/C2013C00022 , visited 12 พ.ย. 2556
              36  Sect.4 (c),(d), 7 และ 8
              37  Part II Divsion I and II
   42   43   44   45   46   47   48   49   50   51   52