Page 48 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง การเลือกปฏิบัติในการประกอบอาชีพของผู้ติดเชื้อเอชไอวี
P. 48

รายงานการศึกษาวิจัย  21
                                                             การเลือกปฏิบัติในการประกอบอาชีพของผูติดเชื้อเอชไอวี



                             ในประเด็นการเลือกปฏิบัติ กฎหมายฉบับนี้ไดบัญญัติครอบคลุมหามมิใหมีการเลือกปฏิบัติ
               ทั้งการเลือกปฏิบัติโดยตรง กลาวคือ หามเลือกปฏิบัติดวยเหตุแหงความแตกตางระหวางบุคคล เชน หามไมให

               มีการปฏิบัติตอผูติดเชื้อ หรือเชื่อวาเปนผูติดเชื้อแตกตางไปจากบุคคลทั่วไปในสถานการณเดียวกัน อาทิ หากไมมี
               กฎหมายบัญญัติเปนการเฉพาะ หามมิใหนายจางปฏิเสธการจางงานบุคคลเนื่องจากสภาวะสุขภาพ ดวยเหตุ

               แหงความแตกตาง ในขณะเดียวกัน การเลือกปฏิบัติโดยออม หมายถึง การกําหนดเงื่อนไขที่เกินความจําเปนให
               บุคคลปฏิบัติตาม เชน การกําหนดใหมีการตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อเอชไอวีกอนการรับเขาทํางาน ในกรณีที่ไมมี

               กฎหมายบัญญัติเปนการเฉพาะ การกระทําดังกลาวใหถือเปนการเลือกปฏิบัติตองหามตามกฎหมายฉบับนี้
               ยิ่งไปกวานั้น กฎหมายบัญญัติหามมิใหมีการคุกคามทั้งทางรางกาย วาจา หรือลายลักษณอักษร และเพศ  เปนตน



                           การเลือกปฏิบัติดวยเหตุอันเนื่องมาจากเปนผูติดเชื้อเอชไอวี : กรณีการจางงาน

                           มาตรา 15 แหงพระราชบัญญัติ DDA บัญญัติไววา หามมิใหนายจาง หรือผูกระทําการแทนนายจาง
               อาทิ บริษัทจัดหางานเลือกปฏิบัติตอบุคคลดวยเหตุแหงสภาวะสุขภาพ ทั้งในการดําเนินการจัดใหมีการพิจารณา

               การจางงาน การพิจารณาการจางงาน และการกําหนดเงื่อนไขในการจางงาน นอกจากนี้ กฎหมายไดบัญญัติ
               คุมครองลูกจางผูติดเชื้อเอชไอวี โดยหามมิใหนายจางหรือผูกระทําการแทนนายจางปฎิบัติตอลูกจางในการกําหนด

               เงื่อนไขการทํางานเพื่อใหลูกจางปฏิบัติ หรือปฏิเสธไมใหลูกจางมีโอกาสไดรับการเลื่อนตําแหนงงาน โยกยาย
               ตําแหนงงาน การฝกอบรม หรือผลประโยชนจากการทํางานประการอื่น หรือใหลูกจางออก หรือกรณีอื่น ๆ

                           จากการศึกษาพบวา นอกจากกฎหมายกําหนดหนาที่และความรับผิดของนายจางและ/หรือผูกระทําการ
               แทนนายจาง หนาที่และความรับผิดตามกฎหมายตามมาตราดังกลาวขางตนยังครอบคลุมไปถึงนายจางรับเหมา

               คาแรง องคกรวิชาชีพและหุนสวนของหางหุนสวนอีกดวย อยางไรก็ดี กฎหมายฉบับนี้มีขอยกเวนกรณีการ
               เลือกปฏิบัติตอผูติดเชื้อในการจางงาน/ประกอบอาชีพสามารถกระทําได หากการดังกลาวเปนไปตามหลักการที่

               เรียกวา คุณสมบัติที่สําคัญอยางยิ่งตอการปฏิบัติงานประเภทนั้น (inherent requirements) กลาวคือ
               หากลูกจางไมสามารถปฏิบัติงานอันเปนสาระที่สําคัญอยางยิ่งตองานประเภทนั้น ๆ เนื่องจากขอจํากัดแหงสภาวะ

               สุขภาพ นายจางก็ไมจําเปนที่จะตองมีการปรับปรุงแกไขสภาพการทํางานใหเหมาะสม (reasonable
               adjustment) กับสภาวะสุขภาพ และไมถือเปนการเลือกปฏิบัติ ในกรณีดังกลาว นายจางมีหนาที่ตองพิสูจน

               ใหเห็นวาลูกจางไมสามารถประกอบอาชีพนั้น ๆ ไดดวยเหตุแหงสภาวะสุขภาพ 38
                           นอกจากประเด็นการคุมครองหามมิใหมีการเลือกปฏิบัติแลว จากการศึกษาพบวา กฎหมายฉบับนี้

               ไดกําหนดกลไกการคุมครองที่สําคัญ ทั้งที่เปนสวนของการกําหนดมาตรฐานเกี่ยวกับการคุมครอง (Disability
               Standard) ซึ่งมีผลผูกพันโดยกฎหมายโดยใหเปนอํานาจหนาที่ของอัยการสูงสุด (Attorney-General)  นอกจากนี้
                                                                                                  39
               ภายใตพระราชบัญญัติ Human Rights and Equal Opportunity Commission Act 1986 (HREOC)




               38  คําพิพากษาศาลสูงในคดี XV Commonwealth ไดวางหลักที่สําคัญเกี่ยวกับหลักการ คุณลักษณะที่สําคัญอยางยิ่งตอการปฏิบัติงานประเภทนั้น กลาวคือ
                 การที่โจทกถูกปลดออกจากการเปนทหารเนื่องมาจากตรวจพบวาเปนผูติดเชื้อเอชไอวี แมวาโจทกจะมีสุขภาพที่แข็งแรงและไมปรากฎอาการของโรค
                 โดยรัฐบาลเครือรัฐอางวา การเปนผูติดเชื้อเอชไอวีทําใหโจทกขาดคุณสมบัติที่สําคัญอยางยิ่งตอการปฏิบัติหนาที่เปนทหาร เนื่องจากสาระสําคัญ
                 ในการปฏิบัติหนาที่ทหาร คือ การออกรบ ซึ่งในบางครั้งเมื่อเกิดการบาดเจ็บจะตองมีการใหเลือด ซึ่งมีความเปนไปไดวาจะเกิดการแพรเชื้อเอชไอวีจาก
                 การใหเลือดได ดวยเหตุดังกลาวนายจางไมจําเปนตองมีการปรับปรุงแกไขสภาพการทํางานใหเหมาะสมกับสภาวะสุขภาพของลูกจาง และไมถือเปน
                 การเลือกปฏิบัติตามบทบัญญัติแหงพระราชบัญญัติ DDA
               39   Section 31 อาทิ Disability Standard for Education 2005 เปนตน
   43   44   45   46   47   48   49   50   51   52   53