Page 74 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ปัญหาและมาตรการทางกฎหมายในการรับรองและคุ้มครองสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว
P. 74

รายงานการศึกษาวิจัย  59
                                        เรื่อง ปญหาและมาตรการทางกฎหมายในการรับรองและคุมครองสิทธิในความเปนอยูสวนตัว





                        2.5.3   คดีเกี่ยวกับการแทรกแซงสิทธิในชีวิตสวนตัวเกี่ยวกับการติดตอทางจดหมาย
                              1)   กรณีการดักฟงขอมูลความลับทางโทรศัพท (le secret de la correspondance
               téléphonique)

                                  คําวินิจฉัยของศาลแหงยุโรปดานสิทธิมนุษยชนเกี่ยวกับการรองเรียนการกระทําขององคกร

               ของรัฐในการดักฟงขอมูลทางโทรศัพทอันเปนการแทรกแซงสิทธิในชีวิตสวนตัวของบุคคลเกี่ยวกับการติดตอ
               สื่อสารปรากฏอยูใน 3 คดีที่นาสนใจ ไดแก คําวินิจฉัยในคดี Klass เมื่อวันที่ 6 กันยายน 1978
                                                                                       76
                                  คําวินิจฉัยในคดี Malone เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 1984  และคําวินิจฉัยในคดี
               Kruslin et Huvig เมื่อวันที่ 24 เมษายน 1990 ในที่นี้ จะขอยกตัวอยางเฉพาะคดี Klass เทานั้น

                                  ในคดี Klass ผูรองรองตอศาลแหงยุโรปดานสิทธิมนุษยชนวา การที่องคกรของรัฐ (รัฐบาล)
               ทําการดักฟงขอมูลทางโทรศัพท (des écoutes gouvernementales) เกี่ยวกับผูรองเปนการกระทําอันเปน
               การแทรกแซงสิทธิในชีวิตสวนตัวและสิทธิในชีวิตสวนตัวเกี่ยวกับการติดตอทางจดหมายของตนตามที่กําหนด

               คุมครองไวในขอ 8 ของอนุสัญญาแหงยุโรปวาดวยการคุมครองสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน

               และมาตรา 10 วรรคสอง แหงกฎหมายสหพันธสาธารณรัฐเยอรมนี และกฎหมายภายในอีกฉบับหนึ่งลงวันที่ 13
               สิงหาคม 1968 ซึ่งไดตราขึ้นเพื่อปฏิบัติใหเปนไปตามขอ 8 ของอนุสัญญาแหงยุโรปฯ
                                  ศาลแหงยุโรปดานสิทธิมนุษยชนวินิจฉัยในประเด็นขอกฎหมายเบื้องตนวาคํารองดังกลาว

               ศาลสามารถรับไวพิจารณาไดหรือไม (la recevabilité de la requête) ในประเด็นนี้ศาลเห็นวาการที่จะรองวา

               เปนเหยื่อหรือผูไดรับผลกระทบจากการฝาฝนสิทธิประการหนึ่งประการใดที่บัญญัติรับรองและคุมครอง
               ไวในอนุสัญญาแหงยุโรปฯ นั้น จะกลาวอางแตเพียงวาการตรากฎหมายที่เกี่ยวของขัดตอสิทธิที่บุคคลไดรับ
               ความคุมครองตามอนุสัญญาแหงยุโรปฯ หากแตการใชบังคับกฎหมายนั้นยังกอใหเกิดความเสียหายแกตน

               อีกดวย อยางไรก็ตาม ศาลยอมรับขอยกเวนแหงหลักดังกลาว เนื่องจากการดําเนินมาตรการดังกลาวในทางลับ

               ดังเชนในกรณีนี้ ผูรองยอมไมสามารถที่จะนําสืบหลักฐานที่เกี่ยวของได
                                  ศาลแหงยุโรปดานสิทธิมนุษยชนวินิจฉัยตอไปในประเด็นที่เปนเนื้อหา แหงคดีวา กลาวคือ
               บทบัญญัติมาตรา 10 วรรคสอง แหงกฎหมายสหพันธสาธารณรัฐเยอรมนี และกฎหมายภายในฉบับลงวันที่ 13

               สิงหาคม 1968 ที่กําหนดมาตรการดังกลาวนั้นเปนไปตามเงื่อนไขแหงขอ 8 ของอนุสัญญาแหงยุโรปฯ หรือไม

               มาตรา 10 แหงกฎหมายสหพันธสาธารณรัฐเยอรมนี บัญญัติวา (1) “หามมิใหละเมิดความลับเกี่ยวกับการติดตอ
               สื่อสาร พัสดุไปรษณีย และโทรคมนาคม (2) ขอจํากัดแหงขอหามดังกลาวจะกระทําไดก็ตอเมื่อมีฐานทางกฎหมาย
               รองรับ ในกรณีที่ขอจํากัดนั้นมีวัตถุประสงคเพื่อคุมครองความสงบเรียบรอยและเสรีภาพทางประชาธิปไตย

               หรือการดํารงอยูหรือความปลอดภัยของสหพันธรัฐหรือประเทศ กฎหมายนั้นอาจกําหนดใหไมจําตองชี้แจง









               76  Arrêt Malone, 2 août 1984, obs. L.-E. PETTITI et F. TEITGEN, Rev. sc. crim. 1985, p. 145; G. COHEN-JONATHAN,
                Les « écoutes téléphoniques », Protection des droits de l’homme: la dimension européenne, Mélanges
                 G.-J. Wiarda, p. 17.
   69   70   71   72   73   74   75   76   77   78   79