Page 282 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 1 ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2554 - 31 ธันวาคม 2557
P. 282
280 ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เล่ม ๑ ระหว่าง ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗
๖.๑.๕ คณะรัฐมนตรี โดยสำานักนายกรัฐมนตรี (สำานักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร
ของราชการ) และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ในการดำาเนินการบริหาร (ร่าง) พระราชบัญญัติคุ้มครอง
ข้อมูลส่วนบุคคลฯ ควรกำาหนดขั้นตอนให้สามารถปฏิบัติได้จริง ชัดเจน ไม่ยุ่งยาก ป้องกันการฝ่าฝืนได้
และไม่มีภาระค่าใช้จ่าย โดยไม่จำาเป็นทั้งแก่ผู้ควบคุมข้อมูลและเจ้าของข้อมูลซึ่งเป็นผู้ทรงสิทธิ
๖.๑.๖ คณะรัฐมนตรี โดยกระทรวงสาธารณสุข (สำานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ)
แพทยสภา และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ควรมีหรือใช้มาตรการ เพื่อประกันว่าสถานพยาบาลของ
รัฐและของเอกชน แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและที่เป็นเอกชนจะเก็บ
รวบรวม ใช้ และเปิดเผย เก็บรักษาและแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้รับบริการเกี่ยวกับ
การบริการสาธารณสุขและข้อมูลที่เกี่ยวข้องอื่นใดที่สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูล
ส่วนบุคคล และกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับเกี่ยวกับมาตรฐานวิชาชีพ โดยคำานึงถึงสิทธิของผู้ป่วย
และประโยชน์สูงสุดของผู้ป่วยในการรักษาพยาบาล รวมทั้งมีกลไกหรือมาตรการ รวมทั้งแจ้งให้ผู้ป่วย
ที่มารับบริการทราบถึงการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว เพื่อประกันว่าโรงพยาบาลของรัฐ
และของเอกชน ตลอดจนแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและที่เป็น
เอกชนจะเข้าใจและปฏิบัติตามในการให้ความคุ้มครองสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวเกี่ยวกับข้อมูล
ส่วนบุคคลโดยเฉพาะรายงานการแพทย์ของผู้ป่วยที่เป็นเจ้าของข้อมูล ที่สอดคล้องตามเจตนารมณ์
ของพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการฯ มาตรา ๒๕ พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพ
แห่งชาติฯ มาตรา ๔๕ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอื่นใด
๖.๒ ข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย
๖.๒.๑ คณะรัฐมนตรี โดยสำานักนายกรัฐมนตรี (สำานักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร
ของราชการ) สำานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ควรทบทวนข้อยกเว้น
ที่บัญญัติไว้ในร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... ดังนี้
๑) มาตรา ๕ วรรคท้าย ซึ่งบัญญัติว่า “การยกเว้นไม่ให้นำาบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติ
นี้มาใช้บังคับแก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลในลักษณะใดหรือกิจการใดให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
ตามข้อเสนอของคณะกรรมการ” เนื่องจากเป็นการใช้กฎหมายที่มีสถานะทางกฎหมายลำาดับรอง
มายกเว้นกฎหมายที่มีสถานะทางกฎหมายลำาดับสูงกว่า จึงไม่สอดคล้องกับหลักนิติธรรม (Rule of Law)
๒) มาตรา ๑๖ วรรคสาม ซึ่งบัญญัติว่า “เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจะเพิกถอน
ความยินยอมเสียเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่มีกฎหมายหรือสัญญาจำากัดสิทธิในการเพิกถอน ....” เนื่องจาก
เปิดโอกาสให้มีการทำาสัญญาสำาเร็จรูป
๓) มาตรา ๒๗ ซึ่งกำาหนดข้อยกเว้นว่า “ห้ามมิให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลเปิดเผย
ข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมดูแลของตนโดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นหนังสือ
จากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่