Page 281 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 1 ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2554 - 31 ธันวาคม 2557
P. 281
279
ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เล่ม ๑ ระหว่าง ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗
ส่วนบุคคลจนเกิดความเดือดร้อนรำาคาญหรือความเสียหายแก่ผู้นั้น ดังนั้น คณะรัฐมนตรี โดยสำานัก
นายกรัฐมนตรี (สำานักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ) ซึ่งรับผิดชอบกฎหมายทั้งสอง
ฉบับควรบริหารจัดการให้มีมาตรการเพื่อประกันว่าเจ้าหน้าที่ในสังกัดมีความเข้าใจและปฏิบัติหน้าที่
เป็นหน่วยบังคับกฎหมายข้างต้นเพื่อให้ต้องด้วยกรณีแต่ละกรณีไป ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย
ที่แตกต่างกันทั้งสองฉบับ
๖.๑.๒ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการคุ้มครองสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวเกี่ยวกับ
ข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่รับรองไว้ในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
(ICCPR) ข้อคิดเห็นร่วมอันสำาคัญของคณะกรรมการประจำากติกาดังกล่าว แนวทางการเพื่อกำาหนด
ระเบียบว่าด้วยการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลทางคอมพิวเตอร์ขององค์การสหประชาชาติ แนวทางการ
คุ้มครองความเป็นส่วนตัวและการไหลเวียนของข้อมูลข้ามเขตของข้อมูลส่วนบุคคลขององค์การ
เพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) รัฐสภา และคณะรัฐมนตรี โดยสำานักนายก
รัฐมนตรี (สำานักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ) และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ควรเร่งรัด
ผลักดันการตราพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ระหว่างที่ยังไม่มีกฎหมายดังกล่าวก็ควร
กำาหนดแนวปฏิบัติหรือคู่มือการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไปพลางก่อน เพื่อให้ผู้ควบคุมข้อมูล
ส่วนบุคคลที่เป็นเอกชนมีแนวทางปฏิบัติ
๖.๑.๓ คณะรัฐมนตรี โดยสำานักนายกรัฐมนตรี (สำานักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร
ของราชการ) สำานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง อาจนำาแนวทางตาม
พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๓ ปรับใช้กับร่างพระราชบัญญัตินี้
โดยกำาหนดเป็นหลักการว่า วิธีคุ้มครองสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
ในกฎหมายต่างๆ ให้เป็นไปตามที่กำาหนดในร่างพระราชบัญญัติฯ เว้นแต่กฎหมายนั้นมีหลักเกณฑ์
หรือมาตรฐานการคุ้มครองสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลไม่ต่ำากว่าหลักเกณฑ์
ที่กำาหนดในร่างพระราชบัญญัติฯ
๖.๑.๔ คณะรัฐมนตรี โดยสำานักนายกรัฐมนตรี (สำานักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร
ของราชการ) สำานักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม
(กสทช.) และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ควรกำาหนดให้มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในกิจการ
สื่อมวลชน รวมถึงแนวทางเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลสาธารณะ บุคคลที่ควรได้รับการ
คุ้มครองเป็นพิเศษในกิจการดังกล่าว ตลอดจนส่งเสริม สนับสนุน อำานวยความสะดวกให้สมาคม
ผู้ประกอบวิชาชีพเกี่ยวกับกิจการสื่อมวลชนทุกสาขา กำาหนดแนวปฏิบัติในการคุ้มครองข้อมูล
ส่วนบุคคลให้แก่สมาชิก เช่น ให้เป็นส่วนหนึ่งในมาตรฐานทางจริยธรรมของการประกอบวิชาชีพ
เป็นต้น โดยคำานึงถึงการได้สัดส่วนกับวัตถุประสงค์ของกิจการสื่อมวลชน และไม่ละเมิดสิทธิในความ
เป็นอยู่ส่วนตัวของผู้อื่น