Page 205 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 1 ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2554 - 31 ธันวาคม 2557
P. 205

203
                                                   ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
                                                   ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เล่ม ๑  ระหว่าง ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗




                     ให้อำานาจไว้ แต่ที่ผ่านมามีการใช้กฎหมายความมั่นคงซ้ำาซ้อนกันในบางพื้นที่ เช่น พระราชบัญญัติ

                     กฎอัยการศึกฯ และพระราชกำาหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ มีการบังคับใช้ใน
                     พื้นที่จังหวัดยะลา จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำาเภอแม่ลาน และมีการบังคับใช้

                     พระราชบัญญัติกฎอัยการศึกฯ และพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรฯ
                     ในพื้นที่อำาเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี  ทำาให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวเกิดความสับสน  รวมทั้ง

                     เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติการอาจกระทำาละเมิดสิทธิได้ในเขตพื้นที่ซึ่งกฎหมายใช้อย่างซ้ำาซ้อนได้ด้วย
                     ดังนั้น เมื่อมีการประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใดแล้ว หากสถานการณ์ดีขึ้นสมควรยกเลิก

                     การใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับดังกล่าว โดยอาจเปลี่ยนไปใช้กฎหมายความมั่นคงที่กระทบต่อ
                     สิทธิและเสรีภาพของประชาชนน้อยกว่า  เพื่อไม่ให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายซ้ำาซ้อนและเพื่อ

                     ให้กระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนน้อยที่สุด  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การลดระดับมาใช้
                     พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรฯ อันมีบทบัญญัติ มาตรา ๒๑ ที่ช่วยสร้าง

                     ความปรองดองของคนในชาติเพื่อให้ในพื้นที่ดังกล่าวสามารถนำามาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติ
                     การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรฯ และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาใช้ได้


                                ๗.๑.๓  คณะรัฐมนตรี  ควรพิจารณาอย่างระมัดระวังในกรณีที่จะนำากฎหมายความ
                     มั่นคงไปใช้กับการชุมนุม ซึ่งโดยหลักการกฎหมายความมั่นคงไม่สามารถนำามาใช้กับการชุมนุมที่

                     สงบและปราศจากอาวุธได้  เนื่องจากเป็นสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
                     พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๖๓  ดังนั้น เมื่อมีการชุมนุมขึ้นต้องนำากฎหมายที่ใช้ในภาวะปกติมาใช้

                     บังคับก่อน เช่น ประมวลกฎหมายอาญา พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ เป็นต้น รวมทั้ง
                     หากเป็นการชุมนุมอื่นที่ไม่ใช่การชุมนุมทางการเมืองก็อาจนำาพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทา

                     สาธารณภัย พ.ศ. ๒๕๕๐ มาบังคับใช้ได้ด้วย  เว้นแต่การชุมนุมโดยสงบแปรเปลี่ยนไปสู่สถานการณ์
                     วิกฤติ หรือการจลาจลที่จะกระทบต่อความมั่นคง หรือก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยอย่างร้ายแรง

                     จึงอาจนำากฎหมายความมั่นคงมาบังคับใช้  โดยฝ่ายรัฐจะต้องมิใช่เป็นผู้เริ่มหรือยั่วยุก่อให้เกิดความ
                     ไม่สงบหรือเรียบร้อยนั้นด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่จะกระทบต่อความมั่นคงต้องประกาศ

                     ใช้กฎหมายที่มีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนน้อยที่สุดก่อน คือ พระราชบัญญัติ
                     การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรฯ แต่เมื่อบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวแล้วยังไม่สามารถ

                     ทำาให้เหตุการณ์เข้าสู่สภาวะปกติได้ จึงจะบังคับใช้พระราชกำาหนดการบริหารราชการในสถานการณ์
                     ฉุกเฉินฯ  แต่เมื่อเหตุการณ์ความรุนแรงลดลง รัฐต้องพิจารณาลดระดับในการบังคับใช้กฎหมายความ

                     มั่นคงจากพระราชกำาหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ มาเป็นพระราชบัญญัติการรักษา
                     ความมั่นคงภายในราชอาณาจักรฯ หรือยกเลิกการใช้พระราชกำาหนดการบริหารราชการในสถานการณ์

                     ฉุกเฉินฯ และพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรฯ ดังกล่าวโดยทันที เพื่อให้
                     สิทธิและเสรีภาพของประชาชนถูกกระทบน้อยที่สุด โดยไม่สมควรนำาพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก

                     พระพุทธศักราช ๒๔๕๗ มาใช้กับการชุมนุมไม่ว่ากรณีใดทั้งสิ้น
   200   201   202   203   204   205   206   207   208   209   210