Page 207 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 1 ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2554 - 31 ธันวาคม 2557
P. 207

205
                                                   ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
                                                   ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เล่ม ๑  ระหว่าง ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗




                                ๒)  รัฐสภา  ควรแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึกฯ เนื่องจาก

                     การประกาศใช้กฎอัยการศึกมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนเป็นอย่างมาก และ
                     ปัจจุบันการสื่อสารมีความสะดวกรวดเร็วแตกต่างจากสมัยก่อน  ไม่สมควรกำาหนดให้อำานาจผู้บังคับ

                     บัญชาทหารซึ่งมีกำาลังอยู่ใต้บังคับไม่น้อยกว่าหนึ่งกองพัน หรือเป็นผู้บังคับบัญชาในป้อม หรือที่มั่น
                     อย่างใดๆ ของทหารมีอำานาจประกาศใช้กฎอัยการศึกได้ต่อไป  การประกาศใช้กฎอัยการศึกตาม

                     มาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึกฯ จึงควรต้องมีการกลั่นกรองโดยผู้บังคับบัญชาที่มีอำานาจ
                     เหนือขึ้นไป  โดยหากจะประกาศใช้กฎอัยการศึกให้มีการเสนอจากผู้บังคับบัญชาทหารที่อยู่ในพื้นที่

                     ต่อผู้บัญชาการเหล่าทัพ(ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ
                     ผู้บัญชาการทหารอากาศ แล้วแต่กรณี) เพื่อขอความเห็นชอบ

                                ๓)  การเยียวยาความเสียหาย

                                    คณะรัฐมนตรี โดยกระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรแก้ไขเพิ่มเติม
                     มาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึกฯ ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่ห้ามผู้ที่ได้รับความเสียหาย

                     เรียกร้องค่าเสียหายหรือค่าปรับจากการกระทำาของเจ้าหน้าที่ทหาร แม้ว่าเจ้าหน้าที่ทหารมีอำานาจ
                     หลายประการตามพระราชบัญญัติกฎอัยการศึกฯ ในการดำาเนินการที่กระทบกับหลักสิทธิและเสรีภาพ

                     ของประชาชนอย่างมาก  แต่การกระทำาของเจ้าหน้าที่ทหารดังกล่าวเมื่อเกิดความเสียหายขึ้น กลับ
                     ไม่สามารถร้องขอค่าเสียหายหรือค่าปรับได้  บทบัญญัติดังกล่าวจึงขัดกับปฏิญญาสากลว่าด้วย

                     สิทธิมนุษยชน ข้อ ๘ และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ข้อ ๒
                     ข้อย่อย ๓ ก. สมควรให้ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการบังคับใช้พระราชบัญญัติกฎอัยการศึกฯ สามารถ

                     เรียกร้องค่าเสียหายได้ ซึ่งจะสอดคล้องกับกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิ
                     ทางการเมือง ข้อ ๒ ข้อย่อย ๓ ข.


                                ๗.๒.๒  พระราชกำาหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘

                                ๑)  รัฐสภาและคณะรัฐมนตรี  ควรแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๕ แห่งพระราชกำาหนด

                     การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ เพื่อกำาหนดอำานาจของนายกรัฐมนตรีในการขยายระยะ
                     เวลาในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยเมื่อการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินของนายกรัฐมนตรี

                     ครั้งแรกสิ้นสุดลง แต่มีความจำาเป็นต้องขยายระยะเวลาควรกำาหนดให้นายกรัฐมนตรีขอความเห็นชอบ
                     จากรัฐสภา

                                ๒)  รัฐสภาและคณะรัฐมนตรี  ควรพิจารณาดำาเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามอำานาจ

                     หน้าที่เพื่อแก้ไขปรับปรุงให้ข้อพิพาทที่เกิดจากการใช้อำานาจตามพระราชกำาหนดการบริหารราชการ
                     ในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ อยู่ในอำานาจการพิจารณาตรวจสอบของระบบศาลที่ถูกต้อง กล่าวคือ หาก

                     ข้อพิพาทดังกล่าวมีลักษณะเป็นข้อพิพาททางแพ่งหรือทางอาญา ควรพิจารณากำาหนดให้อยู่ในอำานาจ
                     ของศาลยุติธรรม แต่ถ้าข้อพิพาทดังกล่าวมีลักษณะเป็นข้อพิพาททางปกครองควรพิจารณากำาหนด
   202   203   204   205   206   207   208   209   210   211   212