Page 203 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 1 ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2554 - 31 ธันวาคม 2557
P. 203

201
                                                   ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
                                                   ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เล่ม ๑  ระหว่าง ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗




                     ตามพระราชกำาหนดนี้ ไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญา หรือทางวินัย เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่

                     ในการระงับหรือป้องกันการกระทำาผิดกฎหมาย หากเป็นการกระทำาที่สุจริต ไม่เลือกปฏิบัติ และ
                     ไม่เกินสมควรแก่เหตุหรือไม่เกินกว่ากรณีจำาเป็น แต่ไม่ตัดสิทธิผู้ได้รับความเสียหายที่จะเรียกร้อง

                     ค่าเสียหายจากทางราชการตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่”
                                    บทบัญญัติกฎหมายดังกล่าว มีลักษณะคุ้มครองการกระทำาและความรับผิดของ

                     พนักงานเจ้าหน้าที่และผู้มีอำานาจหน้าที่เช่นเดียวกับพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง
                     ทางอาญา หรือทางวินัย ในการปฏิบัติหน้าที่ที่ได้กระทำาไปโดยสุจริต ไม่เลือกปฏิบัติ และไม่เกิน

                     สมควรแก่เหตุ หรือไม่เกินกว่ากรณีจำาเป็น โดยส่งผลให้พนักงานเจ้าหน้าที่และผู้มีอำานาจหน้าที่
                     เช่นเดียวกับพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชกำาหนดนี้ มีความมั่นใจที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับ

                     มอบหมายอย่างเต็มกำาลัง และมีประสิทธิภาพ  แต่อย่างไรก็ตาม บทบัญญัติดังกล่าวเป็นไปตาม
                     ลักษณะกฎหมายในเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว กล่าวคือ แม้จะไม่มีบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าวกำาหนดไว้

                     หากพนักงานเจ้าหน้าที่และผู้มีอำานาจหน้าที่เช่นเดียวกับพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชกำาหนดนี้
                     ได้ปฏิบัติหน้าที่ไปโดยสุจริต ไม่เลือกปฏิบัติ และไม่เกินสมควรแก่เหตุ หรือไม่เกินกว่ากรณีจำาเป็น

                     บุคคลนั้นก็ไม่จำาต้องรับผิดทางด้านใดๆ  แต่อย่างใดเช่นกัน ซึ่งในการพิจารณาพิพากษาคดี ศาลก็ได้
                     วางแนวและยึดถือปฏิบัติตามหลักกฎหมายดังกล่าวอย่างเคร่งครัดอยู่แล้ว  ดังนั้น บทบัญญัติดังกล่าว

                     จึงเป็นบทบัญญัติที่เกินความจำาเป็น และอาจทำาให้พนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้มีอำานาจหน้าที่เช่นเดียว
                     กับพนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมั่นใจมากเกินไป จนอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิทธิ

                     และเสรีภาพของประชาชนเกินสมควรได้  อีกทั้ง บทบัญญัติดังกล่าว อาจทำาให้ประชาชนมีทัศนคติ
                     ด้านลบต่อการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้มีอำานาจหน้าที่เช่นเดียวกับพนักงานเจ้าหน้าที่

                     ตามพระราชกำาหนดดังกล่าว ที่แม้จะได้ปฏิบัติหน้าที่ไปเพื่อประโยชน์ส่วนรวมและด้วยความจำาเป็น
                     ก็ตาม

                                    ดังนั้น หากได้พิจารณาดำาเนินการยกเลิกบทบัญญัติมาตรา ๑๗ แห่งพระราชกำาหนด
                     การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ก็จะทำาให้การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงาน

                     เจ้าหน้าที่และผู้มีอำานาจหน้าที่เช่นเดียวกับพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชกำาหนดดังกล่าว
                     มีความระมัดระวังมากขึ้นและเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ บรรลุวัตถุประสงค์ของพระราชกำาหนดนี้

                     และทำาให้ประชาชนมีทัศนคติที่ดีต่อการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้มีอำานาจหน้าที่
                     เช่นเดียวกับพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชกำาหนดดังกล่าวมากยิ่งขึ้น


                                ๖.๒.๓  พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑

                                ๑)  การชดเชยค่าเสียหาย (มาตรา ๒๐)
                                    กรณีการใช้อำานาจของ กอ.รมน. ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนผู้สุจริต

                     มาตรา ๒๐ แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรฯ กำาหนดให้ กอ.รมน. จัดให้
   198   199   200   201   202   203   204   205   206   207   208