Page 208 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 1 ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2554 - 31 ธันวาคม 2557
P. 208

206   ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
                  ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เล่ม ๑  ระหว่าง ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗




                  ให้อยู่ในอำานาจของศาลปกครอง  เนื่องจากมาตรา ๑๖ แห่งพระราชกำาหนดการบริหารราชการใน

                  สถานการณ์ฉุกเฉินฯ ที่ให้อำานาจฝ่ายบริหารหรือฝ่ายปกครองที่จะไม่ต้องดำาเนินการตามหลักเกณฑ์
                  ที่กำาหนดไว้ในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ เป็นการจำากัดอำานาจ

                  ศาลปกครองในการเข้าไปตรวจสอบการใช้อำานาจของฝ่ายบริหารหรือฝ่ายปกครองที่ได้กระทำาใน
                  ระหว่างที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้อำานาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้

                  รับแต่งตั้งจากนายกรัฐมนตรีในการปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรา ๙ และมาตรา ๑๑ แห่งพระราชกำาหนด
                  ดังกล่าว อันมีลักษณะที่เป็นการใช้อำานาจทางปกครองโดยแท้ และอยู่ในอำานาจการตรวจสอบของ

                  ศาลปกครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๒๒๓ กรณีจึงเป็น
                  การจำากัดสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนในการเข้าถึงและได้รับการพิจารณาพิพากษาคดี

                  อย่างถูกต้องเป็นธรรม และทำาให้ศาลปกครองไม่สามารถตรวจสอบมาตรการของฝ่ายบริหารหรือ
                  ฝ่ายปกครองว่า ได้กระทำาลงไปพอสมควรแก่เหตุตามความจำาเป็นแห่งสถานการณ์หรือไม่ อย่างไร

                  จึงเป็นบทบัญญัติกฎหมายที่ไม่เหมาะสมและสอดคล้องกับหลักการตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมาย
                  ของการกระทำาทางปกครองของเจ้าหน้าที่ของรัฐในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งอยู่ในอำานาจพิจารณา

                  พิพากษาของศาลปกครองดังเช่นนานาอารยประเทศ  และย่อมมีผลกระทบต่อสิทธิในกระบวน
                  การยุติธรรมของประชาชน ที่มีสิทธิให้คดีของตนได้รับการพิจารณาอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และ

                  เป็นธรรม ตามรัฐธรรมนูญบัญญัติให้การรับรองไว้ในหมวด ๓ ว่าด้วยสิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทย
                  มาตรา ๔๐ (๓)

                             ๓)  รัฐสภา คณะรัฐมนตรี โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ควรยกเลิกมาตรา ๑๗ เนื่องจาก

                  แม้จะไม่มีบทบัญญัติดังกล่าวกำาหนดไว้ หากพนักงานเจ้าหน้าที่และผู้มีอำานาจหน้าที่เช่นเดียวกับ
                  พนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชกำาหนดนี้ได้ปฏิบัติหน้าที่ไปโดยสุจริต ไม่เลือกปฏิบัติ และไม่เกิน
                  สมควรแก่เหตุหรือไม่เกินกว่ากรณีจำาเป็น บุคคลนั้นก็ไม่จำาต้องรับผิดและจะทำาให้การปฏิบัติหน้าที่

                  ของพนักงานเจ้าหน้าที่และผู้มีอำานาจหน้าที่เช่นเดียวกับพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชกำาหนด

                  ดังกล่าว มีความระมัดระวังมากขึ้นและเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ บรรลุวัตถุประสงค์ของ
                  พระราชกำาหนดฯ และทำาให้ประชาชนมีทัศนคติที่ดีต่อการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่
                  หรือผู้มีอำานาจหน้าที่เช่นเดียวกับพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชกำาหนดมากยิ่งขึ้น

                             ๔)  คณะรัฐมนตรี โดยกระทรวงกลาโหม  ควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกองอำานวยการ

                  รักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ว่าด้วยวิธีปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๑๑ แห่ง
                  พระราชกำาหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ข้อ ๓.๗ วรรคสอง ซึ่งกำาหนดให้การร้องขอ

                  ขยายเวลาควบคุมไม่ต้องนำาตัวผู้ถูกควบคุมตัวมาศาล แต่ต้องแสดงให้ศาลเห็นถึงเหตุจำาเป็นที่ต้อง
                  ขอขยายเวลาควบคุมเพื่อประโยชน์ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นให้ต้องนำาตัวผู้ถูกควบคุม

                  มาศาลในทุกกรณี เพื่อให้ทุกฝ่ายได้แสดงให้ศาลเห็นว่า มีเหตุผลและความจำาเป็นที่ต้องควบคุมตัว
                  ต่อไปหรือไม่ หรือยกเลิกระเบียบในข้อดังกล่าว
   203   204   205   206   207   208   209   210   211   212   213