Page 176 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 1 ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2554 - 31 ธันวาคม 2557
P. 176

174   ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
                  ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เล่ม ๑  ระหว่าง ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗




                  ผู้ใช้ดุลพินิจว่าอยู่ในภาวะสงครามหรือไม่  โดยบางหน่วยงานอาจตีความหมายสถานการณ์จังหวัด

                  ชายแดนภาคใต้เป็นการจลาจลหรือสงคราม ซึ่งการประกาศใช้กฎอัยการศึกเจ้าหน้าที่ทหารสามารถ
                  ที่จะเข้าไปปิดล้อมตรวจค้นได้ ๗ วัน โดยไม่ต้องมีหมายจากศาลแตกต่างไปจากประมวลกฎหมาย

                  วิธีพิจารณาความอาญาตรงที่ให้อำานาจเจ้าหน้าที่รัฐบังคับใช้ได้ง่ายที่สุด โดยไม่ต้องมีการกลั่นกรอง
                  จากกระบวนการตุลาการ

                                      (๓.๔)  การดำาเนินคดีของพนักงานอัยการ จะใช้พยานหลักฐานตามประมวล
                  กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเท่านั้น ทางปฏิบัติมีหลายคดีที่พนักงานอัยการมีคำาสั่งไม่ฟ้อง

                  จำานวนมาก

                                 (๔)  ประเด็นประโยชน์ของก�รมีพระร�ชบัญญัติกฎอัยก�รศึกฯ
                                      (๔.๑)  พระราชบัญญัติกฎอัยการศึกฯ มาตรา ๔ ยังคงมีประโยชน์ต่อประชาชน

                  ในพื้นที่ห่างไกล เช่น ในกรณีเกิดเหตุการณ์น้ำาท่วมจนเกิดการแย่งชิงสิ่งของและเกิดจลาจลขึ้น กำาลัง
                  ตำารวจไม่เพียงพอในการช่วยเหลือ  ทหารอาจใช้ประโยชน์ของมาตราดังกล่าวได้ และยังมีเงื่อนไขว่า

                  เมื่อประกาศใช้แล้วก็ต้องรายงานให้รัฐบาลทราบโดยเร็วที่สุด
                                      (๔.๒) ประโยชน์ในอนาคตเนื่องจากเมื่อเกิดสงครามหรือการจลาจลผู้บังคับ

                  บัญชานั้นๆ ต้องแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าให้ทัน  การใช้เพียงมาตรา ๒ อย่างเดียวอาจติดขัดในเรื่อง
                                                                                                 ๑๔๑
                  ของขั้นตอนและไม่อาจปฏิบัติได้ทันท่วงที  นอกจากนี้ พระราชบัญญัติกฎอัยการศึกฯ มาตรา ๑๗
                  ให้อำานาจเจ้ากระทรวงผู้บังคับบัญชาทหารมีอำานาจออกกฎ เพื่อให้มีความสะดวกและเรียบร้อย
                  ในเวลาประกาศกฎอัยการศึกได้  ส่วนในเวลาสงครามหรือจลาจลแม่ทัพมีอำานาจออกข้อบังคับให้

                  เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการประกาศกฎอัยการศึก  ดังนั้น การใช้อำานาจตามพระราชบัญญัติ
                  กฎอัยการศึกฯ ต้องเป็นไปตามกฎและข้อบังคับ ทหารต้องปฏิบัติตามอย่างระมัดระวังไม่ใช้อำานาจ

                  เกินเลย  ในส่วนอำานาจการประกาศใช้กฎอัยการศึกของผู้บังคับบัญชาซึ่งมีกำาลังอยู่ใต้บังคับ
                  ไม่น้อยกว่าหนึ่งกองพันจึงยังคงมีความจำาเป็นอยู่


                             ๒)  ประเด็น มาตรา ๙ อนุมาตรา (๑)  การตรวจค้นบรรดาสิ่งซึ่งจะเกณฑ์ หรือต้องห้าม
                  หรือต้องยึด หรือจะต้องอาศัย หรือมีไว้ในครอบครองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งมีอำานาจที่จะตรวจค้น

                  ได้ไม่ว่าที่ตัวบุคคล ในยานพาหนะ  เคหะสถาน  สิ่งปลูกสร้าง  หรือที่ใดๆ และไม่ว่าเวลาใดๆ ทั้งสิ้น
                  มีประเด็นว่าการตรวจค้นตัวบุคคลมีการร้องเรียนในเรื่องการเก็บพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์






                  ๑๔๑  พระราชบัญญัติกฎอัยการศึกฯ มาตรา ๑๗ ในเวลาปรกติสงบศึก เจ้ากระทรวงซึ่งบังคับบัญชามีอำานาจตรา
                       กฎเสนาบดีขึ้นสำาหรับบรรยายข้อความ เพื่อให้มีความสะดวกและเรียบร้อยในเวลาที่จะใช้กฎอัยการศึกได้
                       ตามสมควร  ส่วนในเวลาสงครามหรือจลาจล แม่ทัพใหญ่หรือแม่ทัพรองมีอำานาจออกข้อบังคับบรรยายความ
                       เพิ่มเติมให้การดำาเนินไปตามความประสงค์ของกฎอัยการศึกนี้  และเมื่อได้ประกาศกฎเสนาบดี หรือข้อบังคับ
                       ของแม่ทัพในทางราชการแล้ว ให้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของพระราชบัญญัตินี้
   171   172   173   174   175   176   177   178   179   180   181