Page 181 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 1 ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2554 - 31 ธันวาคม 2557
P. 181

179
                                                   ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
                                                   ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เล่ม ๑  ระหว่าง ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗




                     ไต่สวน ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้ให้ความเห็นว่า ศาลยุติธรรมมีมาตรฐานที่ดีสามารถให้ความคุ้มครอง

                     ตามหลักสิทธิมนุษยชน

                                ๕)  ประเด็น การจับกุมและควบคุมตัว ตามพระราชกำาหนดการบริหารราชการ
                     ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘  ควรนำาหลักเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ

                     อาญามาใช้โดยไม่ต้องรอให้ระยะเวลาการควบคุมตัวสามสิบวัน ตามพระราชกำาหนดการบริหาร
                     ราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ผ่านพ้นไปก่อน หรือไม่ ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้ให้ความเห็น ดังนี้

                                    ในเรื่องนี้ สมัย นายสบโชค สุขารมณ์ เป็นประธานศาลฎีกาได้ออกคำาแนะนำา
                     ของประธานศาลฎีกาในการพิจารณาคำาร้องขอจับกุมและควบคุมตัวบุคคลตามพระราชกำาหนด

                     การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ โดยหลักการตามมาตรา ๑๑ วรรคสอง (๑) และมาตรา ๑๒
                     ให้เจ้าหน้าที่ร้องขอต่อศาล เพื่อขออนุญาตจับกุมและควบคุมตัว ซึ่งบัญญัติเป็นพิเศษแตกต่างไปจาก

                     ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา  หลังจากได้มีการปฏิบัติตามพระราชกำาหนดการบริหาร
                     ราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ได้มีการร้องเรียนเข้ามา  สรุปคำาแนะนำาของประธานศาลฎีกา ดังนี้


                                    (๑)  ประธานศาลฎีกาบังคับให้ผู้พิพากษาต้องไต่สวนให้ได้ความ ๒ ประการ คือ
                     ๑) ผู้ถูกร้องหรือเจ้าหน้าที่นั้นเป็นผู้ซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งตามพระราชกำาหนดการบริหารราชการ

                     ในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ จริงหรือไม่  ๒) มีเหตุที่จับกุมบุคคลตามมาตรา ๑๑ วรรคสอง (๑) หรือไม่
                     หากได้ความดังกล่าวศาลต้องไต่สวน

                                    (๒)  การไต่สวนนั้นบังคับว่าต้องสอบถามผู้ถูกร้องด้วยว่าเคยมีการอนุญาต

                     หมายจับและควบคุมตัวบุคคลดังกล่าวตามพระราชกำาหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ
                     ที่ศาลอื่นหรือไม่  ถ้าหากมีก็บังคับให้ไต่สวนให้ได้ความว่า การอนุญาตครั้งก่อนเป็นเหตุการณ์เดียวกัน

                     หรือเกี่ยวเนื่องกันกับครั้งใหม่นี้หรือไม่ เพื่อไม่ให้ถูกควบคุมตัวเกินระยะเวลาตามมาตรา ๑๒ วรรคหนึ่ง

                                    (๓)  กรณีที่ศาลอนุญาตออกหมายจับ ศาลมีข้อกำาหนดไปยังผู้ถูกร้องหลายประการ

                     ประการแรก ผู้ถูกร้องต้องรายงานความคืบหน้าการจับกุมทุก ๓ เดือน  ประการที่สอง เมื่อจับได้
                     ต้องทำารายงานการจับกุมและควบคุมตัวโดยแนบภาพถ่ายผู้จับกุมและระบุสถานที่ที่ควบคุมตัว
                     เสนอศาลภายใน ๔๘ ชั่วโมง  ประการที่สาม หากมีการเปลี่ยนแปลงสถานที่ควบคุมตัว ต้องรายงาน

                     ศาลทันที  ประการที่สี่ เมื่อจะมีการปล่อยตัวต้องแจ้งญาติ นอกจากแจ้งญาติแล้วหากไม่มีญาติก็ให้

                     บุคคลที่ไว้วางใจได้รับทราบการปล่อยตัวและนำาผู้ถูกควบคุมตัวมาศาลเพื่อปล่อยตัว

                                    หากผู้ร้องไม่ปฏิบัติตามข้างต้น ก็เพิกถอนหมายจับ และอาจจะเรียกผู้ถูกร้องมา
                     สอบถาม  ส่วนกรณีที่มีผู้ยื่นคำาร้องหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย บังคับศาลให้

                     ทำาการไต่สวนโดยมีคำาสั่งให้ผู้ร้องนำาบุคคลผู้ถูกจับมาศาลเพื่อสอบถามด้วย หากได้ความว่าไม่มีเหตุ
                     ที่จะจับหรือการจับไม่ชอบด้วยกฎหมายให้ศาลเพิกถอนหมายจับ ซึ่งตรงนี้มีประเด็นการคุ้มครองด้าน

                     สิทธิมนุษยชน
   176   177   178   179   180   181   182   183   184   185   186