Page 171 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 1 ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2554 - 31 ธันวาคม 2557
P. 171

169
                                                   ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
                                                   ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เล่ม ๑  ระหว่าง ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗




                     (Dissolution d’association) ที่ประท้วงโดยมีอาวุธ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่กระทบต่อสาธารณะ หรือ

                     กระทบต่อบูรณภาพแห่งดินแดน
                                    การใช้อำานาจพิเศษของประธานาธิบดี  รัฐธรรมนูญปี ค.ศ. ๑๙๕๘ มิได้กำาหนด

                     ชื่อเรียกการใช้อำานาจพิเศษประธานาธิบดีตามมาตรา ๑๖ ไว้  แต่ในทางปฏิบัติเรียกว่า “คำาสั่ง”
                     (Décision) จะต้องเป็นกรณีที่วิกฤตร้ายแรงระดับชาติ (La crisenationale)  อำานาจโอนมาที่

                     ประธานาธิบดีคนเดียว ๑๓๓
                                    การใช้อำานาจของประธานาธิบดีมีการควบคุมตรวจสอบหรือไม่ สภาแห่งรัฐซึ่ง

                     ทำาหน้าที่เป็นศาลปกครองสูงสุดวางหลักไว้ในคำาพิพากษาในคดี Rubin de servens เมื่อวันที่ ๒ มีนาคม
                     ๑๙๖๒ รวมสองประเด็น ดังนี้

                                    ๑)  การตัดสินใจประกาศใช้อำานาจตามมาตรา ๑๖ ของประธานาธิบดีเป็นการ
                     กระทำาทางรัฐบาล ซึ่งไม่อยู่ภายใต้การควบคุมขององค์กรตุลาการ

                                    ๒)  มาตรการต่างๆ ที่ใช้ในช่วงเวลาที่ประกาศการใช้อำานาจตามมาตรา ๑๖ อยู่ภายใต้
                     การควบคุมขององค์กรตุลาการ

                                    กล่าวให้ถึงที่สุด สภาแห่งรัฐเห็นว่าการประกาศใช้อำานาจพิเศษของประธานาธิบดี
                     ศาลปกครองเข้าไปตรวจสอบไม่ได้ แต่มาตรการต่างๆ ที่ใช้ในระหว่างสถานการณ์พิเศษ ศาลปกครอง

                     ย่อมมีอำานาจตรวจสอบ หากมาตรการนั้นมีสถานะเป็นกฎหรือคำาสั่งทางปกครอง ๑๓๔

                                ๒)  กฎอัยการศึก (L’état de siège)

                                    เดิมฝรั่งเศสมีกฎหมายว่าด้วยกฎอัยการศึกอยู่ ๒ ฉบับ คือ รัฐบัญญัติลงวันที่ ๙
                     สิงหาคม ค.ศ. ๑๘๔๙  และรัฐบัญญัติลงวันที่ ๓ เมษายน ๑๘๗๘  ต่อมา รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน

                     ค.ศ. ๑๙๕๘ ได้รับรองไว้อีกครั้งในมาตรา ๓๖ เพื่อสร้างความชอบธรรมทางรัฐธรรมนูญ
                                    การประกาศกฎอัยการศึกทำาได้เมื่อมีภยันตรายอันใกล้จะถึงอันเนื่องมาจาก

                     สงครามหรือการกบฏโดยใช้กำาลังอาวุธ  ทั้งนี้ มาตรา ๓๖ รัฐธรรมนูญฯ ค.ศ. ๑๙๕๘ กำาหนดว่า
                     การประกาศกฎอัยการศึกดังกล่าวต้องทำาในรูปรัฐกฤษฎีกาโดยคณะรัฐมนตรี  หากระยะเวลาที่ใช้

                     กฎอัยการศึกเกิน ๑๒ วัน ต้องนำากฎอัยการศึกนั้นกลับมาขอความเห็นชอบจากรัฐสภา
                                    เมื่อประกาศใช้กฎอัยการศึกแล้ว  อำานาจต่างๆ โอนมาอยู่ที่ทหาร ข้อพิพาททาง

                     อาญาอยู่ในเขตอำานาจของศาลทหาร  และเจ้าหน้าที่มีอำานาจในการใช้มาตรการที่อาจกระทบสิทธิ
                                                  ๑๓๕
                     และเสรีภาพของประชาชนได้มากขึ้น   ซึ่งในมาตรา ๙ ให้อำานาจเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารมีอำานาจหน้าที่




                     ๑๓๓  ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล, การควบคุมฝ่ายปกครองในสถานการณ์ฉุกเฉิน, ๓๙ - ๔๐.
                     ๑๓๔  ปิยบุตร แสงกนกกุล, บทวิเคราะห์ พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ออนไลน์),
                         ๑๘ กันยายน ๒๕๕๔. แหล่งที่มา  http://www.pub-law.net/publaw/view.asp
                     ๑๓๕ เรื่องเดียวกัน
   166   167   168   169   170   171   172   173   174   175   176