Page 178 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 1 ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2554 - 31 ธันวาคม 2557
P. 178

176   ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
                  ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เล่ม ๑  ระหว่าง ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗




                             ๓)  ประเด็นการบังคับใช้กฎหมายระหว่างพระราชบัญญัติกฎอัยการศึกฯ กับ

                  ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พบว่าประชาชนในพื้นที่มีความสับสนในการบังคับใช้
                  กฎหมายดังกล่าวว่าสถานการณ์ใดควรที่จะใช้กฎหมายฉบับใด และมีปัญหาเกิดขึ้นเมื่อบุคคลนั้น

                  ถูกเชิญตัวมาพบเจ้าหน้าที่ แต่กลับไม่ให้ญาติหรือเพื่อนของผู้ที่ถูกเชิญตัวนั้นเข้าเยี่ยม ผู้เข้าร่วม
                  สัมมนาได้ให้ความเห็น ดังนี้

                                 (๑)  พระร�ชบัญญัติกฎอัยก�รศึกฯ มี ๒ ส่วน  ส่วนแรก การประกาศเพื่อเริ่มใช้

                  อำานาจ  ส่วนที่สอง การลงมือปฏิบัติหลังจากที่มีการประกาศเพื่อใช้อำานาจนั้น  ซึ่งปัญหาจะอยู่ใน
                  ส่วนที่สอง  อย่างไรก็ตามการตรวจสอบต้องมีทั้ง ๒ ส่วน โดยต้องพิจารณาด้วยว่าการประกาศใช้

                  กฎอัยการศึกเป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำาหนดไว้แล้วหรือไม่  ส่วนกรณีมาตรา ๔ เงื่อนไขและ
                  หลักเกณฑ์การประกาศใช้มีเงื่อนไขที่เข้มงวด แม้ข้อเท็จจริงมีการประกาศใช้เพียงครั้งเดียว แต่หาก

                  มีการประกาศในอนาคตกระบวนการตรวจสอบก็ยังมีอยู่  เห็นว่า พระราชบัญญัติกฎอัยการศึกฯ
                  มาตรา ๔ จำาเป็นต้องมี  แต่การใช้อำานาจควรเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำาหนด การที่

                  พระราชบัญญัติกฎอัยการศึกฯ และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาให้อำานาจเจ้าหน้าที่รัฐ
                  ในการเชิญบุคคลที่ต้องสงสัยมาสอบถาม และให้อำานาจในการตรวจค้นเพื่อหาพยานหลักฐานต่างๆ

                  รวมทั้งมีอำานาจในการควบคุมตัวไว้ได้เช่นเดียวกัน จึงควรทำาให้มีความชัดเจนว่าสถานการณ์ใด
                  ควรใช้กฎหมายฉบับใด เนื่องจากผู้ได้รับผลกระทบไม่มีความรู้ด้านกฎหมายทำาให้เกิดปัญหาในการ

                  ต่อสู้ ควรสร้างความชัดเจนในการบังคับใช้กฎหมายที่แน่นอน

                                 (๒)  ก�รใช้กฎหม�ยทั้งสองฉบับดังกล่�วควบคู่กันจะเป็นก�รเกื้อกูลกัน  เพราะ

                  ในสถานการณ์สามจังหวัดชายแดนภาคใต้  ถ้าใช้กฎหมายปกติอาจไม่สามารถควบคุมหรือเข้าไปใน
                  พื้นที่ได้  การใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาต้องขอหมายศาลทำาให้เกิดปัญหาไม่อาจ

                  รวบรวมพยานหลักฐานได้ทัน หากใช้พระราชบัญญัติกฎอัยการศึกฯ จะทำาให้การแก้ไขสถานการณ์
                  เป็นไปอย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพ คุ้มครองเจ้าหน้าที่และดูแลประชาชนให้ปลอดภัย  ส่วนกรณีที่มี

                  ปัญหาข้อร้องเรียนจากการกระทำาของเจ้าหน้าที่คงต้องควบคุมแก้ไขปัญหาในส่วนนั้น

                             ๔)  ประเด็น ปัญหาการใช้กฎหมายพิเศษด้านความมั่นคงทั้งสามฉบับ แล้ว
                  แต่เหตุการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังไม่สงบ ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้ให้ความเห็น ดังนี้


                                 (๑)  เหตุก�รณ์ในส�มจังหวัดภ�คใต้ยังมีภัยแทรกซ้อนอื่น เช่น ยาเสพติด
                  สิ่งผิดกฎหมาย แรงงานข้ามชาติ และผู้ที่มีความคิดเห็นที่แตกต่าง  สำานักงานป้องกันและปราบปราม
                  การฟอกเงินมีความพยายามที่จะเอากฎหมายที่เกี่ยวข้องมาสกัดเงินที่ไม่ถูกกฎหมายเหล่านี้

                  ซึ่งภัยแทรกซ้อนข้างต้นมีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความไม่สงบ การให้เจ้าหน้าที่ทหารเป็น

                  ผู้ดำาเนินการแก้ไขปัญหาด้านเดียวคงไม่เพียงพอ
   173   174   175   176   177   178   179   180   181   182   183