Page 175 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 1 ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2554 - 31 ธันวาคม 2557
P. 175

173
                                                   ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
                                                   ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เล่ม ๑  ระหว่าง ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗




                           ๔.๔  ความเห็นจากการสัมมนา

                                ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้มีความเห็นต่อประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับกฎหมายพิเศษด้านความมั่นคง
                     ๓ ฉบับ โดยสรุป ดังนี้

                                ๔.๔.๑  พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พระพุทธศักราช ๒๔๕๗


                                ๑)  ประเด็น พระราชบัญญัติกฎอัยการศึกฯ เป็นกฎหมายที่กระทบสิทธิและเสรีภาพ
                     ของประชาชนอย่างมาก การที่มาตรา ๔ บัญญัติว่า เมื่อมีสงครามหรือจลาจลขึ้น ณ แห่งใดให้ผู้บังคับ

                     บัญชาทหาร ณ ที่นั้น ซึ่งมีกำาลังอยู่ใต้บังคับไม่น้อยกว่าหนึ่งกองพัน หรือเป็นผู้บังคับบัญชาในป้อมหรือ
                     ที่มั่นอย่างใดๆ ของทหารมีอำานาจประกาศใช้กฎอัยการศึกเฉพาะในเขตอำานาจหน้าที่ของกองทหารนั้น

                     ได้มีความเหมาะสมหรือไม่  ผู้ประกาศใช้กฎอัยการศึกควรเป็นผู้มีระดับสูงกว่าผู้บังคับบัญชาซึ่งมีกำาลัง
                     อยู่ใต้บังคับไม่น้อยกว่าหนึ่งกองพัน หรือไม่ ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้ให้ความเห็นดังนี้

                                    (๑)  พระร�ชบัญญัติกฎอัยก�รศึกฯ ม�ตร� ๔ บัญญัติขึ้นในสมัยที่เทคโนโลยี
                     การสื่อสารไม่ก้าวหน้าจึงบัญญัติไว้เช่นนี้เพื่ออุดช่องว่าง แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีดังกล่าวมีความก้าวหน้า

                     มากขึ้น ประกอบกับมีกฎหมายหลายฉบับให้อำานาจเจ้าหน้าที่ในการรักษาความมั่นคงอยู่แล้ว
                                    (๒)  ประเด็นคว�มแตกต่�งระหว่�งบทบัญญัติม�ตร� ๒ กับม�ตร� ๔  คือ มาตรา ๒

                     มีบทบัญญัติที่กว้างกว่า โดยใช้เมื่อเวลามีเหตุจำาเป็นเพื่อรักษาความเรียบร้อยปราศจากภัย
                     ส่วนมาตรา ๔ จำากัดเฉพาะเมื่อมีสงครามหรือการจลาจลเท่านั้น

                                    (๓)  ประเด็นที่ควรเสนอให้ปรับปรุงแก้ไขพระร�ชบัญญัติกฎอัยก�รศึกฯ หรือปัญห�

                     ก�รบังคับใช้กฎหม�ยดังกล่�ว

                                         (๓.๑)  ควรยกเลิกมาตรา ๔ เนื่องจากพระราชบัญญัติกฎอัยการศึกฯ เป็น
                     กฎหมายที่บัญญัติใช้มานานมากไม่เหมาะสมกับปัจจุบัน  และทางปฏิบัติมาตรา ๔ มีการประกาศใช้
                     น้อยมาก โดยมีการประกาศใช้เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๖ ซึ่งผู้บัญชาการทหารบกประกาศใช้ในเหตุการณ์

                     จลาจลที่กรุงเทพมหานคร

                                         (๓.๒)  หากผู้บังคับบัญชาทหาร ณ ที่นั้น ซึ่งมีกำาลังอยู่ใต้บังคับไม่น้อยกว่า
                     หนึ่งกองพันหรือเป็นผู้บังคับบัญชาในป้อมหรือที่มั่นอย่างใดๆ ของทหารเป็นผู้ที่ประกาศกฎอัยการศึก
                     ก็ควรให้นายกรัฐมนตรีมีอำานาจสั่งการไม่ให้มีการประกาศใช้กฎอัยการศึกได้

                                         (๓.๓)  ประเทศไทยการประกาศสงครามต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภา
                                                           ๑๔๐
                     ตามที่รัฐธรรมนูญฯ กำาหนดไว้ในมาตรา ๑๘๙      แต่ในสถานการณ์จังหวัดภาคใต้นั้น ทหารเป็น





                     ๑๔๐  รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐

                         มาตรา ๑๘๙ พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำานาจในการประกาศสงครามเมื่อได้รับความเห็นชอบของ
                         รัฐสภา
   170   171   172   173   174   175   176   177   178   179   180