Page 173 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 1 ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2554 - 31 ธันวาคม 2557
P. 173

171
                                                   ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
                                                   ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เล่ม ๑  ระหว่าง ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗




                                    (๑)  ผู้มีอำ�น�จในก�รประก�ศ

                                         ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินผู้มีอำานาจประกาศมีอยู่ ๒ ระดับ คือ การประกาศ
                     สถานการณ์ฉุกเฉินในระดับประเทศเป็นอำานาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย การประกาศ

                     สถานการณ์ฉุกเฉินในระดับท้องถิ่นเป็นของผู้ว่าราชการจังหวัด
                                         ประกาศโดยมติคณะรัฐมนตรี (Décret en Conseil des ministres) มาตรา ๒

                     วรรค ๑ รัฐบัญญัติหมายเลข ๕๕ - ๓๘๕  ๓ เมษายน ค.ศ. ๑๙๕๕  ในกรณีที่มีภยันตรายที่ใกล้จะถึง
                     อาจส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน หรือในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นโดยธรรมชาติ

                     และมีความรุนแรงอันมีลักษณะเป็นภัยพิบัติแก่สาธารณชน
                                    (๒)  เงื่อนไขและวิธีก�รของก�รใช้อำ�น�จในสถ�นก�รณ์ฉุกเฉิน

                                         เงื่อนไขในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน คือ ต้องเป็นสถานการณ์ที่เป็น

                     ภยันตรายที่ใกล้ถึง อันเนื่องมาจากการกระทำาที่กระทบกระเทือนต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง
                     หรืออันเนื่องมาจากภัยพิบัติธรรมชาติ หรือภัยพิบัติสาธารณะ เช่น อุทกภัย แผ่นดินไหว และมีความ

                     รุนแรงอันมีลักษณะเป็นภัยพิบัติสาธารณะ บทบัญญัติในมาตรานี้ได้วางเงื่อนไขไว้ด้วยว่า การประกาศ
                     สถานการณ์ฉุกเฉินจะต้องมีเงื่อนไข ดังนี้

                                         (๒.๑)  กำาหนดพื้นที่และรวมถึงกำาหนดระยะเวลาที่จะประกาศสถานการณ์
                     ฉุกเฉินใช้บังคับ และมีข้อจำากัดไม่จำาเป็นต้องประกาศทั้งจังหวัด อาจเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดก็ได้ เหตุที่

                     การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจะต้องกำาหนดพื้นที่ และระยะเวลาการประกาศ เนื่องจากกฎหมาย
                     มีวัตถุประสงค์ที่จะให้กระทบกระเทือนสิทธิและเสรีภาพของประชาชนน้อยที่สุด

                                         (๒.๒)  การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินสามารถบังคับได้ภายในส่วนหนึ่ง
                     ส่วนใดของราชอาณาจักรหรือโพ้นทะเล

                                         (๒.๓)  การประกาศได้จะต้องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบ และ
                                         (๒.๔) จะต้องออกเป็นรัฐกฤษฎีกา (Décret)

                                    (๓)  ผลของก�รประก�ศสถ�นก�รณ์ฉุกเฉิน
                                         บทบัญญัติตามมาตรา ๕ รัฐบัญญัติ ลงวันที่ ๓ เมษายน ค.ศ. ๑๙๕๕ ได้บัญญัติ

                     ให้อำานาจผู้ว่าราชการจังหวัด (Préfet) ไว้ว่า เมื่อมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้วให้มีอำานาจ ดังนี้
                                         (๓.๑)  ห้ามสัญจรทั้งยานพาหนะและบุคคลในช่วงเวลาที่กำาหนดโดย

                     เทศบัญญัติ (Arrêt)
                                         (๓.๒)  การห้ามเข้าพักอาศัยในพื้นที่ที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือ

                     พื้นที่บางส่วนของจังหวัดสำาหรับบุคคลที่กระทำาการใดอันเป็นอุปสรรคต่อการใช้อำานาจสาธารณะ
                     การให้อำานาจเจ้าหน้าที่ในการดำาเนินการกับผู้ขัดขวาง

                                         การที่ผู้ว่าราชการจังหวัดใช้อำานาจในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และ
                     สั่งห้ามผู้ที่ฝ่าฝืนตามบทบัญญัตินี้  มีบทกำาหนดโทษทางอาญากรณีที่ไม่ปฏิบัติตามคำาสั่งด้วย และ
   168   169   170   171   172   173   174   175   176   177   178