Page 172 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 1 ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2554 - 31 ธันวาคม 2557
P. 172

170   ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
                  ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เล่ม ๑  ระหว่าง ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗




                                 (๑)  ทำาหน้าที่ตรวจค้นทั้งกลางวัน และกลางคืนในเคหสถานของประชาชน

                                 (๒)  สั่งให้มอบอาวุธและดินระเบิด และทำาการค้นและการนำาเอาสิ่งของเหล่านั้น
                  ออกไปเสีย

                                 (๓)  ให้ผู้เคยต้องคำาพิพากษาและบุคคลที่ไม่มีภูมิลำาเนาของตนเองออกไปจาก
                  บริเวณที่ประกาศกฎอัยการศึก

                                 (๔)  ห้ามการโฆษณาหรือการร่วมชุมนุมซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารเห็นว่าเป็นการยั่วยุ
                  หรือส่งเสริมให้เกิดความวุ่นวาย ๑๓๖

                                 อย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่ามาตรการต่างๆ ที่ใช้ในระหว่างประกาศ
                  กฎอัยการศึกจะหลุดพ้นจากการควบคุมโดยศาลปกครอง ศาลปกครองยังยืนยันเสมอมาว่าตนมี

                  อำานาจในการควบคุมความชอบด้วยกฎหมายของมาตรการเหล่านั้น เพียงแต่ว่าศาลปกครองจะ
                  ลดระดับความเข้มข้นในการควบคุมลงมาและจะเพิกถอนเฉพาะมาตรการที่เกินสมควรแก่เหตุ

                  อย่างร้ายแรงเท่านั้น ๑๓๗

                             ๓)  รัฐบัญญัติสถานการณ์ฉุกเฉิน ลงวันที่ ๓ เมษายน ค.ศ. ๑๙๕๕

                                 จากวิกฤติอันเกิดจากการลุกฮือในอัลจีเรีย ซึ่งฝ่ายบริหารเห็นว่า “สถานการณ์
                  ดังกล่าวไม่ใช่สถานการณ์สงครามที่จะนำากฎอัยการศึกมาใช้ได้ จึงได้มีการตราพระราชบัญญัติฉบับนี้

                  ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินมี ๒ ประเภท คือ
                                 ประเภทแรก “ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแบบธรรมดา” (L’état d’urgence

                  simple) มีผลในทางเพิ่มอำานาจของเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนในอันที่จะจำากัดสิทธิเสรีภาพของบุคคล
                  ได้หลายประการ เช่น ห้ามสัญจร ห้ามเข้าไปในเขตหวงห้าม ห้ามออกจากบ้าน ควบคุมตัวไว้ใน

                  สถานที่กักขัง สั่งปิดโรงมหรสพ สถานที่ชุมนุม ร้านจำาหน่ายเครื่องดื่ม และสั่งห้ามการชุมนุม
                  ทุกรูปแบบ และ

                                 ประเภทที่สอง  “ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแบบร้ายแรง” (L’état d’urgence
                  aggravé) มีผลเป็นการเพิ่มอำานาจของเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนมากกว่าประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน

                  แบบธรรมดา คือ อำานาจตรวจค้นในเคหสถานทั้งกลางวันและกลางคืน อำานาจตรวจสอบหนังสือพิมพ์
                  สิ่งตีพิมพ์ทุกชนิด รายการวิทยุ โทรทัศน์ และมหรสพต่างๆ








                  ๑๓๖  วิบูลย์ สุนทรพันธ์, การปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศไทย : ศึกษากรณีพระราชบัญญัติ
                       อัยการศึก พระพุทธศักราช ๒๔๕๗  พระราชบัญญัติว่าด้วยการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.
                       ๒๔๙๕  และพระราชบัญญัติป้องกันการกระทำาอันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ. ๒๔๙๕, ๖๙.
                  ๑๓๗ ปิยบุตร แสงกนกกุล, บทวิเคราะห์ พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ออนไลน์),
                       ๑๘ กันยายน ๒๕๕๕.
   167   168   169   170   171   172   173   174   175   176   177