Page 167 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 1 ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2554 - 31 ธันวาคม 2557
P. 167

165
                                                   ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
                                                   ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เล่ม ๑  ระหว่าง ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗




                                    ผู้มีอำานาจในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน มาตรา ๒๐ (๑) กำาหนดว่าภายใต้

                     เหตุที่กำาหนดไว้ในมาตรา ๒๑ ให้อำานาจสมเด็จพระราชินีมีพระราชอำานาจในการออก “กฎใน
                     สถานการณ์ฉุกเฉิน” (Emergency Regulation) โดยความยินยอมของสภาโดยคำาแนะนำาของรัฐมนตรี

                     ซึ่งโดยหลักแล้วได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะสมาชิกของคณะรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบ
                     ต่อกิจการความมั่นคงภายในและการฟื้นฟูการปฏิรูป

                                    อนุมาตรา (๒) กำาหนดให้รัฐมนตรีอาวุโสสามารถออกกฎในสถานการณ์ฉุกเฉิน
                     หากเป็นกรณีที่มิอาจรอเนิ่นช้าให้มีการประชุมเพื่อขอความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีตามอนุมาตรา

                     (๑) ได้สำาหรับ “รัฐมนตรีอาวุโส” นั้น  อนุมาตรา (๓) ให้ความหมายไว้ว่า หมายถึง นายกรัฐมนตรี
                     (First Lord of the Treasury (the Prime Minister)) เลขาธิการประจำากระทรวง (Her Majesty’s

                     Principal Secretary of State)  และผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง (the Commissioners of
                     Her Majesty’s Treasury)  แต่ในทางปฏิบัติแล้วผู้ใช้อำานาจดังกล่าว ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง

                     มหาดไทย ในฐานะสมาชิกคณะรัฐมนตรีซึ่งรับผิดชอบกิจการความมั่นคงภายใน และการฟื้นฟูปฏิรูป
                     ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไม่สามารถออกกฎในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ หรือ

                     สถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวมิได้อยู่ในความรับผิดชอบ หรืออยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของกระทรวง
                     มหาดไทย เช่น เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องกับสถานภาพของสัตว์ กรณีนี้จึงสมควรอยู่ใน

                     ความรับผิดชอบของรัฐมนตรีอื่นที่เกี่ยวข้องกับกรณี
                                    อนุมาตรา (๕) กำาหนดให้กฎในสถานการณ์ฉุกเฉินนั้นต้องมีถ้อยแถลงของผู้ออกกฎ

                     ถึงสาเหตุของการออกกฎดังกล่าวด้วย เป็นต้นว่าเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นแล้ว หรือกำาลังจะเกิด
                     สถานการณ์ฉุกเฉินขึ้น และต้องแสดงให้ปรากฏด้วยว่ากฎนั้นไม่ขัดหรือแย้งต่อสิทธิมนุษยชนตาม

                     กฎบัตรสหประชาชาติ (ในความหมายของพระราชบัญญัติสิทธิมนุษยชน ค.ศ. ๑๙๘๘ (The Human
                     Right 1988)  การกำาหนดให้มีถ้อยแถลงดังกล่าวนั้นเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นกระบวนการของ

                     กฎหมาย (เช่นเดียวกับในพระราชบัญญัติอำานาจฉุกเฉิน ค.ศ. ๑๙๒๐ และพระราชบัญญัติอำานาจฉุกเฉิน
                     (ไอร์แลนด์เหนือ) ค.ศ. ๑๙๒๐)  ซึ่งต้องการให้สมเด็จพระราชินีทรงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินก่อน

                     ที่จะมีการใช้กฎในสถานการณ์ฉุกเฉินจริง
                                    ข้อจำากัด (ขอบเขต) การออกกฎในสถานการณ์ฉุกเฉินตามอนุมาตรา (๑) ได้กำาหนด

                     ให้กฎในสถานการณ์ฉุกเฉินซึ่งผู้มีอำานาจในการตราได้กำาหนดขึ้นนั้นจะต้องพอสมควรแก่เหตุเพื่อ
                     วัตถุประสงค์ที่จะป้องกัน ควบคุม หรือบรรเทาสภาพหรือผลกระทบที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ฉุกเฉิน

                                    อนุมาตรา (๒)  ยังได้กำาหนดไว้ว่ากฎในสถานการณ์ฉุกเฉินซึ่งผู้มีอำานาจในการตรา
                     ได้กำาหนดขึ้นนั้น จะต้องอยู่ภายในขอบเขตวัตถุประสงค์ตามที่ได้กำาหนดไว้ตามมาตรา ๑๙ เช่น

                     ในเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่เป็นภยันตรายคุกคามต่อสุขภาพของมนุษย์ในสหราชอาณาจักร
                     ตามคำาจำากัดความของสถานการณ์ฉุกเฉิน

                                    อนุมาตรา (๓)  ได้กำาหนดให้ในบทบัญญัติของกฎในสถานการณ์ฉุกเฉินนั้นอาจจะ
   162   163   164   165   166   167   168   169   170   171   172