Page 36 - รายงานการศึกษาเรื่องโทษประหารชีวิตในประเทศไทย
P. 36

คอนเนคทิกัต ได้เพิ่มจำานวนคดีสำาหรับต้องโทษประหารชีวิตเพิ่มจาก ๖ คดี เป็น ๑๐ คดี โดยเพิ่ม
                     คดีการมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์หรือผิดธรรมชาติ การทำาให้ผู้อื่นพิการ การปล้น และการปลอมแปลง

                     นอกจากนี้  มลรัฐทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกาจำานวนมากได้มีการเพิ่มโทษประหารชีวิตสำาหรับ

                     หลายประเภทคดี โดยเฉพาะทาส (Reggio, 2008)
                                 ยุคสมัยที่มีการปฏิรูปที่สำาคัญของประเทศสหรัฐอเมริกา  คือ  ระหว่างปี
                     ค.ศ.  ๑๘๓๓  –  ๑๘๕๓  โดยการประหารชีวิตในที่สาธารณะถูกมองจากสังคมว่าเป็นสิ่งที่มี

                     ความโหดร้ายทารุณ  บางครั้งได้มีการแสดงการประหารชีวิตโดยการแขวนคอให้แก่ผู้ชม

                     จำานวนมาก  ซึ่งพ่อค้าท้องถิ่นได้มีการขายของที่ระลึกและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  นอกจากนี้
                     ยังมีการผลักหรือการทะเลาะวิวาทระหว่างผู้เข้าชม  เพื่อให้ได้ที่ที่ดีที่สุดในการชมการประหารชีวิต
                     ผู้เข้าชมบางคนได้มีการสาปแช่งเหยื่ออาชญากรรมและพยายามดึงหรือทำาลายตะแลงแกง

                     หรือเชือก  เพื่อเป็นสิ่งเตือนใจ  รวมทั้งการช่วยชีวิต  การใช้ความรุนแรงและการเมาสุรา

                     มักจะเกิดขึ้นในยามค่ำาคืนของการประหารชีวิต  หลายมลรัฐจึงมีการประกาศใช้กฎหมายให้มี
                     การประหารชีวิตด้วยการแขวนคอที่มีความเป็นส่วนตัว โดยในปี ค.ศ. ๑๘๓๓ มลรัฐโรดไอแลนด์
                     ปี ค.ศ. ๑๘๓๔ ที่มลรัฐเพนซิลเวเนีย และ ปี ค.ศ. ๑๘๓๕ ที่มลรัฐนิวยอร์ค มลรัฐแมซซาชูเซ็ตส์

                     และมลรัฐนิวเจอร์ซี่  ได้มีการยกเลิกการประหารชีวิตในที่สาธารณะทั้งหมด  นอกจากนี้

                     ตั้งแต่ปี  ค.ศ.  ๑๘๔๙  ได้มีการกำาหนดให้มีการประหารชีวิตในสถานที่เฉพาะที่มีความเป็นส่วนตัว
                     จำานวน  ๑๕  มลรัฐ  การเปลี่ยนแปลงการประหารชีวิตดังกล่าวได้รับการต่อต้านจากนักโทษ
                     ประหารชีวิตจำานวนมากที่เห็นว่าการประหารชีวิตในที่สาธารณะจะเป็นการทำาให้ประชาชน

                     ที่ชมการประหารได้มีการหลั่งน้ำาตาออกมาเพื่อเป็นการต่อต้านการประหารชีวิต  ตัวอย่างเช่น

                     ในปี ค.ศ. ๑๘๓๕ หลังจากที่มลรัฐเมน (Maine) ได้มีการประกาศใช้กฎหมายดังกล่าว ได้ก่อให้เกิด
                     การเลื่อนการประหารชีวิตออกไปหลังจากที่มีประชาชนที่รอชมการประหารมากกว่า  ๑๐,๐๐๐  คน
                     ได้ก่อความไม่สงบโดยไม่รักษากฎระเบียบและมีการต่อสู้ทำาร้ายกัน  ทำาให้เจ้าหน้าที่ตำารวจ

                     ต้องเข้าไปควบคุมความวุ่นวาย  ดังนั้น  นักโทษประหารในคดีอุกฉกรรจ์ร้ายแรงจึงถูกควบคุม

                     ตัวในเรือนจำาในฐานะแรงงานคนหนึ่ง  และจะถูกประหารชีวิตภายหลังจากที่ได้จำาคุกมาแล้ว
                     เป็นระยะเวลา  ๑  ปี  โดยได้รับคำาสั่งจากผู้ว่าการรัฐเท่านั้น  หากไม่ได้รับคำาสั่งประหารชีวิต
                     จากผู้ว่าการรัฐ  ภายใต้กฎหมายของมลรัฐเมน  (Maine)  นักโทษประหารจะต้องโทษจำาคุก

                     เป็นระยะเวลา  ๒๗  ปี  แม้ว่าหลายมลรัฐจะมีการกล่าวถึงคุณธรรมของการประหารชีวิต

                     แต่อย่างไรก็ตาม  ไม่มีมลรัฐใดที่ดำาเนินการได้เช่นเดียวกับมลรัฐเมน  (Maine)  ซึ่งผู้ที่มี
                     อิทธิพลสำาคัญต่อการปฏิรูปการประหารชีวิต  ได้แก่  นักบวชที่มีการรวมกลุ่มกันเรียกร้องให้
                     มีการปฏิรูปการประหารชีวิต (Bedau, 1982)

                                 ในที่สุด  ค.ศ.  ๑๘๔๖  มลรัฐมิชิแกนมีการยกเลิกการใช้โทษประหารชีวิตเป็น

                     มลรัฐแรกสำาหรับทุกคดีประเภท ยกเว้นคดีกบฏต่อมลรัฐ โดยประเภทคดีอื่น ๆ ทางมลรัฐไม่ได้
                     มีการประหารชีวิตมาตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๘๓๐ ก่อนที่จะมีสถานภาพเป็นมลรัฐ ต่อมา ในปี ค.ศ. ๑๘๕๒






                                                                       โทษประหารชีวิตในประเทศไทย 23
   31   32   33   34   35   36   37   38   39   40   41