Page 39 - รายงานการศึกษาเรื่องโทษประหารชีวิตในประเทศไทย
P. 39

โทษประหารชีวิตสำาหรับคดีกบฎ ในปี ค.ศ. ๑๙๖๔ มีการยกเลิกโทษประหารชีวิตในมลรัฐโอเรกอน
                  ปี  ค.ศ.  ๑๙๖๕  มลรัฐไอโอวา  มลรัฐนิวยอร์ค  มลรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย  และมลรัฐเวอร์มอนต์

                  ได้มีการยกเลิกโทษประหารชีวิต และปี ค.ศ. ๑๙๖๙ มลรัฐนิวเม็กซิโกมีการยกเลิกโทษประหารชีวิต

                  (Reggio, 2008)
                               การพยายามยกเลิกโทษประหารชีวิตในแต่ละมลรัฐเป็นสิ่งที่ยากที่สุด  ดังนั้น
                  การยกเลิกโทษประหารชีวิตจึงมีแนวโน้มที่จะใช้ความพยายามผ่านศาล  ซึ่งได้ประสบความสำาเร็จ

                  เมื่อวันที่  ๒๙  มิถุนายน  ๑๙๗๒  กรณีของ  เฟอร์แมน  ในมลรัฐจอร์เจีย  แม้ผู้พิพากษา

                  จะมีความเห็นที่แตกต่างกัน  แต่เสียงส่วนใหญ่ได้เห็นว่าการใช้โทษประหารชีวิตเป็นการสร้าง
                  ความแตกต่างและเป็นการลงโทษที่มีความโหดร้าย  การดำาเนินการยกเลิกโทษประหารชีวิต
                  ผ่านทางระบบศาลทำาให้เกิดการสิ้นสุดของการลงโทษประหารชีวิต  อย่างไรก็ตาม  ผู้ที่สนับสนุน

                  ให้มีการประหารชีวิตได้เสนอกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประหารชีวิตที่เป็นการลดความแตกต่าง

                  ของการตัดสินประหารชีวิต ซึ่งขึ้นอยู่กับเสียงส่วนใหญ่ของคณะผู้พิพากษา ตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๙๗๕
                  มลรัฐจำานวน  ๓๓  มลรัฐ  จึงได้ผ่านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประหารชีวิตขึ้นอีกครั้ง
                  และมีผู้ต้องขังประมาณเกือบ  ๒๐๐  คน  ที่เป็นนักโทษประหาร  ในเกริกก์  มลรัฐจอร์เจีย

                  ปี  ค.ศ.  ๑๙๗๖  ศาลสูงสุดได้สนับสนุนการผ่านกฎหมายประหารชีวิตรูปแบบใหม่และได้ชี้

                  ให้เห็นว่าการประหารชีวิตไม่ได้เป็นการลงโทษที่มีความโหดร้าย  หรือมีความผิดปกติแตกต่าง
                  จากการลงโทษในรูปแบบอื่นแต่อย่างใด  การประหารชีวิตจึงได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง  รวมทั้ง
                  การประหารชีวิตรูปแบบใหม่ได้เกิดขึ้นตามมา  โดยมลรัฐโอคลาโฮมาได้ผ่านกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

                  กับการประหารชีวิตด้วยการฉีดยาขึ้นเป็นครั้งแรกโดยมีพื้นฐานที่สำาคัญ  คือ  เป็นการประหยัด

                  ค่าใช้จ่ายและเป็นการดำาเนินการประหารชีวิตที่คำานึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน  ในขณะที่หากมี
                  การประหารชีวิตด้วยเก้าอี้ไฟฟ้าซึ่งไม่ได้ดำาเนินการมาเป็นเวลานานถึง  ๑๑  ปี  จะก่อให้เกิด
                  ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการซ่อมแซมที่มีราคาสูง  หรือหากมีการประหารชีวิตด้วยการใช้แก๊สพิษ

                  จะก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายจากการสร้างห้องประหารประมาณมากกว่า  ๒๐๐,๐๐๐  ดอลล่าร์  หากแต่

                  การประหารชีวิตด้วยการฉีดยาจะมีค่าใช้จ่ายเพียง  ๑๐  -  ๑๕  ดอลล่าร์  ต่อการประหารนักโทษ
                  ๑ คน (Reggio, 2008)
                               นอกจากนี้  ได้มีการขับเคลื่อนให้มีการใช้โทษประหารชีวิตเพื่อเป็นการสร้าง

                  ความมั่นคงปลอดภัยให้กับสังคม  โดยนักการเมืองทั้งในระดับประเทศและระดับมลรัฐได้มี

                  การกำาหนดกฎหมายและเรียกร้องให้มีการประหารชีวิตมากขึ้น  ตลอดจนการใช้โทษประหารชีวิต
                  สำาหรับอาชญากรรมหลายประเภทและการใช้โทษจำาคุกที่มีระยะเวลามากขึ้นสำาหรับผู้กระทำาผิด
                  โดยมีการเรียกร้องให้มีการลงโทษที่มีความรุนแรงและรวดเร็วมากขึ้น  อันทำาให้อาชญากรรม

                  มีจำานวนไม่มากขึ้นและไม่มีความรุนแรงมากกว่าในอดีตที่ผ่านมา  แม้ว่าสำานักงานสอบสวนกลาง

                  (Federal  Bureau  of  Investigation  :  FBI)  ได้แสดงให้เห็นถึงสถิติอาชญากรรมที่มีจำานวน
                  มากขึ้นเรื่อย ๆ ดังจะเห็นได้จากสถิติการฆาตกรรมในปี ค.ศ. ๑๙๗๓ มีจำานวนฆาตกร ๙.๓ คน






        26     คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
   34   35   36   37   38   39   40   41   42   43   44