Page 35 - รายงานการศึกษาเรื่องโทษประหารชีวิตในประเทศไทย
P. 35

โดยเฉพาะผลงานของซีซาร์  แบคคาเรีย  ที่เขียนไว้ชื่อ  “อาชญากรรมและ
                  การลงโทษ”  (On  Crimes  and  Punishment)  ที่ตีพิมพ์ในปี  ค.ศ.  ๑๗๖๗  ที่มีการนำาเสนอ

                  ให้มีการยกเลิกโทษประหารชีวิตได้มีอิทธิพลสำาคัญยิ่งต่อแนวคิดของประเทศสหรัฐอเมริกา

                  ให้มีการยกเลิกโทษประหารชีวิต  ซึ่งซีซาร์  แบคคาเรีย  ได้กล่าวไว้ว่า  รัฐไม่มีอำานาจที่จะทำาให้
                  บุคคลใดเสียชีวิต  การประหารชีวิตเปรียบเสมือนสงครามสำาหรับพลเมือง  โดยการทำาลายชีวิต
                  ขึ้นอยู่กับการพิจารณาว่าบุคคลใดมีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์  ซึ่งสามารถใช้หลักเกณฑ์ใด

                  ในการพิจารณาดังกล่าว  โดยซีซาร์  แบคคาเรีย  ได้ยอมรับการเสียชีวิตซึ่งเป็นการสร้าง

                  ความปลอดภัยให้แก่สังคม  ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นยากในสังคมและจะเกิดได้ในกรณีที่สังคม
                  มีลักษณะเป็นอนาธิปไตย  ซึ่งเป็นภาวะที่ไม่มีรัฐบาลและเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย
                  โดยพลเมืองมีแนวโน้มที่จะสูญเสียเสรีภาพ  ซีซาร์  แบคคาเรีย  ได้ชี้ให้เห็นถึงการลงโทษ

                  ประหารชีวิต  ในสมัยโรมันที่ไม่ได้เป็นการป้องกันความปลอดภัยให้แก่คนในสังคมได้อย่างแท้จริง

                  การประหารชีวิตเป็นสิ่งที่ช่วยยับยั้งการกระทำาผิดของคนได้เพียงชั่วขณะเท่านั้น  แต่ไม่สามารถ
                  ยับยั้งการกระทำาผิดของคนอื่นในสังคมได้อย่างแท้จริง  นอกจากเป็นการจำากัดเสรีภาพ
                  ของผู้ถูกประหารชีวิตเท่านั้น (Reggio, 2008)

                               ได้มีการดำาเนินการยกเลิกโทษประหารชีวิตและการปรับปรุงสภาพเรือนจำา

                  ให้ดีขึ้นหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา  ดังจะเห็นได้จาก  ดร.เบนจามิน  รัช  พลเมืองที่มีชื่อเสียง
                  ของมลรัฐเพนซิลเวเนียได้เสนอให้มีการยกเลิกการใช้โทษประหารชีวิต  วิลเลียม  เบรดฟอร์ด
                  ได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับความจำาเป็นของการใช้โทษประหารชีวิตในมลรัฐเพนซิลเวเนียว่า

                  มีความจำาเป็นมากน้อยเพียงใด  ซึ่งได้ยืนยันให้มีการใช้โทษประหารชีวิตต่อไป  แต่ก็ยอมรับว่า

                  โทษประหารชีวิตไม่สามารถป้องกันอาชญากรรมได้อย่างแท้จริง  และเห็นว่าโทษประหารชีวิต
                  เป็นการตัดสินที่มีความรุนแรงกว่าโทษที่ควรจะได้รับ  เพราะในมลรัฐเพนซิลเวเนียและทุกมลรัฐ
                  เมื่อมีการตัดสินประหารชีวิต  คณะลูกขุน  และกฎหมายที่กำาหนดไว้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลง

                  คำาตัดสินได้  ดังนั้น  ในปี  ค.ศ.  ๑๗๙๔  มลรัฐเพนซิลเวเนียได้มีการยกเลิกโทษประหารชีวิต

                  สำาหรับทุกประเภทคดี ยกเว้นคดีฆาตกรรมซึ่งเป็นความผิดประเภทชั้นหนึ่ง ต่อมา ในปี ค.ศ. ๑๗๙๖
                  เมืองนิวยอร์ค  ได้มีการก่อสร้างทัณฑสถานและมีการยกเลิกการเฆี่ยน  รวมทั้งมีเปลี่ยนแปลง
                  กำาหนดโทษที่ต้องประหารชีวิต จาก ๑๓ คดี ลดลงเหลือ ๒ คดี นอกจากนี้ มลรัฐเวอร์จิเนีย

                  และมลรัฐเคนตั้กกี้ได้ผ่านกฎหมายที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน  ในปี  ค.ศ.  ๑๗๙๗  มลรัฐเวอร์มอนต์

                  ได้ลดคดีที่ต้องโทษประหารชีวิตเหลือ ๓ คดี  ปี ค.ศ. ๑๘๑๐ มลรัฐแมรี่แลนด์ได้ลดคดีที่ต้องโทษ
                  ประหารชีวิตเหลือ ๔ คดี ในปี ค.ศ. ๑๘๑๒ มลรัฐนิวแฮมเชียร์ได้ลดคดีที่ต้องโทษประหารชีวิต
                  เหลือ  ๒  คดี  และปี  ค.ศ.  ๑๘๑๕  มลรัฐโอไฮโอได้ลดคดีที่ต้องโทษประหารชีวิตเหลือ  ๒  คดี

                  ซึ่งแต่ละมลรัฐดังกล่าวได้มีการก่อสร้างเรือนจำาหรือทัณฑสถานควบคู่ไปด้วย อย่างไรก็ตาม มีมลรัฐ

                  จำานวนน้อยที่ดำาเนินการสวนกระแสดังกล่าว อาทิ มลรัฐโรดไอแลนด์ ยังคงโทษประหารชีวิตสำาหรับ
                  ผู้กระทำาผิดในคดีข่มขืนและลอบวางเพลิง  มลรัฐแมทซาชูเซ็ตส์  มลรัฐนิวเจอร์ซี่  และมลรัฐ






        22     คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
   30   31   32   33   34   35   36   37   38   39   40