Page 31 - รายงานการศึกษาเรื่องโทษประหารชีวิตในประเทศไทย
P. 31

โทษประหารชีวิตได้ปรากฏให้เห็นนานมาแล้ว  ดังจะเห็นได้จากในกฎหมาย
                  ของประเทศจีนโบราณที่กำาหนดให้มีโทษประหารชีวิตสำาหรับผู้ประกอบอาชญากรรม  นอกจากนี้

                  ในศตวรรษที่  ๑๘  ก่อนคริสตกาล  กฎหมายของกษัตริย์ฮามูราบี  ซึ่งเป็นประมวลกฎหมาย

                  บาบีโลนได้กำาหนดให้มีโทษประหารชีวิตสำาหรับคดีอาญาที่แตกต่างกัน  ๒๕  ประเภท  แม้ว่า
                  การฆาตกรรมจะไม่ได้กำาหนดไว้  สำาหรับการตัดสินประหารชีวิตครั้งแรกที่มีการบันทึกไว้
                  ในประวัติศาสตร์เกิดขึ้นในประเทศอิยิปต์  ในศตวรรษที่  ๑๖  ก่อนคริสตกาล  โดยผู้กระทำาผิด

                  เป็นผู้มีตำาแหน่งชั้นสูงหรือเป็นขุนนาง  ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ใช้เวทมนตร์  และถูกตัดสินให้มีการ

                  ประหารชีวิต  โดยในช่วงเวลาดังกล่าวผู้กระทำาผิดที่ไม่ใช่ขุนนางหรือชนชั้นสูงจะถูกฆ่าด้วยขวาน
                  (Lyons, 2003)
                                  ในศตวรรษที่ ๑๔ ก่อนคริสตกาล ประมวลกฎหมายของชาวฮิทไทท์ ได้มีการบัญญัติ

                  โทษประหารชีวิตขึ้น นอกจากนี้ ในศตวรรษที่ ๗ ก่อนคริสตกาล ประมวลกฎหมายแดรกโคเนียน

                  ของเอเธนส์ได้กำาหนดให้มีการใช้โทษประหารชีวิตสำาหรับผู้ประกอบอาชญากรรมทุกประเภท
                  ในศตวรรษที่ ๕ ก่อนคริสตกาล กฎหมายโรมันซึ่งได้จารึกเป็นครั้งที่ ๑๒ ได้กำาหนดให้มีโทษประหารชีวิต
                  อย่างไรก็ตาม  รูปแบบของการประหารชีวิตจะมีความแตกต่างกัน  ขึ้นอยู่กับสถานภาพทางสังคม

                  ของผู้ที่ถูกประหารชีวิตเป็นสำาคัญ และการกระทำาผิดที่ต้องโทษประหารชีวิต เช่น การหมิ่นประมาท

                  การทำาลายพืชพันธุ์ที่ปลูกในไร่หรือปศุสัตว์  การเผาบ้านหรือกองข้าวโพดใกล้บ้าน  การหลอกลวง
                  ผู้บริโภค การให้การเป็นพยานเท็จ การก่อความไม่สงบในยามค่ำาคืน การฆาตกรรมบุคคลอื่นหรือบิดา
                  มารดาโดยเจตนา  การขโมยทาส  สำาหรับการประหารชีวิตจะมีรูปแบบที่โหดร้ายทารุณ  อาทิ

                  การตรึงกางเขน การถ่วงน้ำาในทะเล การฝังทั้งเป็น การตีจนกระทั่งเสียชีวิต การเสียบทะลุร่างกาย

                  จนกระทั่งเสียชีวิต  นอกจากนี้  กฎหมายโรมันยังให้ความสนใจต่อการฆาตกรรมบิดามารดา
                  ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาจะต้องดำาน้ำาโดยอาจจะมีการพิสูจน์ด้วยสุนัข  สัตว์ปีก  งูพิษ  หรือวานร  สำาหรับ
                  การประหารชีวิตที่มีชื่อเสียงโด่งดังในสมัยก่อนคริสตกาล  คือ  การประหารชีวิตในปี  ๓๙๙

                  ก่อนคริสตกาล  เมื่อโซเครตีส  นักปราชญ์ชาวกรีก  ถูกสั่งให้ดื่มยาพิษสำาหรับการประพฤติตน

                  เป็นคนนอกรีตและการทุจริตคอรัปชั่นต่อเยาวชน (Lyons, 2003)
                                  นอกจากนี้  กฎหมายโมเสคได้กำาหนดโทษประหารชีวิตสำาหรับอาชญากรรม
                  หลายประเภท โดยปรากฏหลักฐานวิธีการประหารชีวิตที่มีความหลากหลาย อาทิ การปาด้วยก้อนหิน

                  การแขวนคอ  การตัดศีรษะ  การตรึงไม้กางเขน  (มีการเลียนแบบมาจากกฎหมายโรมัน)

                  การปาด้วยก้อนหิน การเลื่อยออกเป็นชิ้น ๆ สำาหรับการประหารชีวิตที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์
                  เกิดขึ้นประมาณคริสตศักราชที่  ๒๙  ซึ่งมีการตรึงกางเขนพระเยซูคริสต์  นอกเมืองเยรูซาเล็ม
                  หลังจากนั้นประมาณ  ๓๐๐  ปี  จักรพรรดิ์โรมันซึ่งได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์  ได้ยกเลิก

                  การประหารชีวิตด้วยการตรึงด้วยไม้กางเขน  และการประหารชีวิตด้วยวิธีที่โหดร้ายทารุณ

                  ในอาณาจักรโรมัน ในปี ๔๓๘ ประมวลกฎหมายธีโดสุส (Theodosius) ได้กำาหนดให้มีโทษประหาร
                  ชีวิตสำาหรับอาชญากรรมมากกว่า ๘๐ ประเภท (Lyons, 2003)






        18     คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
   26   27   28   29   30   31   32   33   34   35   36