Page 149 - รายงานการศึกษาเรื่องโทษประหารชีวิตในประเทศไทย
P. 149

ไม่มีประโยชน์ หรือช่วยให้ปัญหาอาชญากรรมลดลง ทำาให้ในขณะนี้ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก จำานวน
                  ๑๓๙ ประเทศ ยกเลิกการลงโทษประหารแล้ว มีเพียง ๕๙ ประเทศ รวมถึงประเทศไทย ที่ยังคง

                  มีโทษประหารชีวิตอยู่ นอกจากนี้ ยังเป็น ๑ ใน ๒๕ ประเทศที่มีการลงโทษประหารจริงภายในปี

                  ที่ผ่านมา  โดยประเทศไทยได้ลงโทษประหารชีวิตนักโทษในคดีค้ายาเสพติดไป  ๒  ราย
                  เมื่อเดือนสิงหาคม  ๒๕๔๒  ทำาให้ไทยถูกจับตามองว่าก้าวถอยหลัง  หลังจากไม่มีการประหารชีวิต
                  นักโทษมานานกว่า  ๖  ปี  โดยเมื่อวันที่  ๒๔  สิงหาคม  ๒๕๔๒  ได้มีการฉีดยาเพื่อประหารชีวิต

                  นักโทษชาย  ๒  คน  ที่เรือนจำากลางบางขวาง  กรุงเทพฯ  นับเป็นโทษประหารชีวิต  ๒  รายแรก

                  หลังจากที่ประเทศไทยไม่ได้ใช้โทษประหารมาเป็นระยะเวลา ๖ ปี ทำาให้ประเทศไทยถูกจับตามองว่า
                  ก้าวถอยหลัง  เพราะใช้บทลงโทษที่ละเมิดสิทธิในการมีชีวิตอยู่ของบุคคล  ซึ่งทุกคนมีศักดิ์ศรี
                  ในความเป็นมนุษย์  เมื่อมองในฐานะอาชญาสิทธิ์  คือ  คนที่ทำาผิดต้องได้รับการลงโทษ  แต่โทษ

                  ที่ลงนั้นต้องสมดุลกับความผิดที่ได้กระทำา  ขณะที่ในด้านของนักรัฐศาสตร์เห็นว่า  หากจะให้

                  บ้านเมืองสงบต้องมีกติกา  สำาหรับโทษประหารชีวิตเป็นโทษที่รุนแรง  แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับ
                  ประสิทธิภาพของกระบวนการยุติธรรมด้วย  แม้ปัจจุบันประเทศไทยได้มีประหารชีวิตโดยการ
                  ใช้วิธีฉีดสารพิษ  อันเป็นวิธีที่นุ่มนวลที่สุด  แต่ทั้งนี้  โทษบางอย่างหากลดจากการประหารชีวิต

                  ต้องหาคำาตอบให้ได้โดยเฉพาะต่อสังคมไทย โดยเฉพาะความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง หากปรับโทษ

                  ต้องคิดให้รอบคอบ  ทำาให้เกิดข้อคิดเห็นและเกิดคำาถามว่าประเทศไทยควรจะยุติการลงโทษ
                  ด้วยการประหารชีวิตหรือไม่
                           นอกจากนี้ ปัจจุบันสังคมไทยมีบทลงโทษประหารชีวิตในหลายฐานความผิด อาทิ ฆาตกรรม

                  ค้ายาเสพติด  ซึ่งหากมองในแง่ของวัฒนธรรมและความเชื่อของคนไทย  โทษประหารชีวิตอาจจะ

                  ยังควรมีอยู่  เพราะเชื่อว่าจะทำาให้ผู้ที่จะกระทำาความผิดเกิดความกลัวเกรง  หรือเป็นการข่มขู่
                  ยับยั้ง  แต่ในทางปฏิบัติไม่ควรจะนำามาใช้  ยกเว้นคดีฆาตกรรมที่มีเจตนาชัดแจ้ง  ซึ่งเป็น
                  คดีอุกฉกรรจ์ที่มีผลกระทบต่อสังคมอย่างมาก  หรือมีการกระทำาความผิดซ้ำาแล้วซ้ำาอีก  จนเชื่อว่า

                  การจำาคุกไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้  ซึ่งเป็นเหตุผลเดียวกับที่ในหลายประเทศยังคงมีโทษประหาร

                  อย่างไรก็ตาม  ที่น่าจะมีการทบทวน  คือ  การลงโทษประหารกับผู้กระทำาผิดในคดีค้ายาเสพติด
                  เพราะเป็นเรื่องในเชิงสังคม และในสายตาของชาวต่างชาติก็ไม่ยอมรับ
                           อย่างไรก็ตาม  ถ้ากระบวนการยุติธรรมมีประสิทธิภาพ  โทษประหารชีวิตก็ไม่จำาเป็น

                  เพราะคนจะไม่เสี่ยงทำาผิด  ถ้ากระบวนการยุติธรรมไม่มีประสิทธิภาพ  แม้จะมีโทษประหารชีวิต

                  คนก็ไม่เกรงกลัวโทษและกล้าเสี่ยงทำาผิด ทั้งนี้ ประสิทธิภาพของกระบวนการยุติธรรมขึ้นอยู่กับระบบ
                  และตัวบุคคล แต่ประเทศไทยมีจุดอ่อนทั้งสองประการ ดังนั้น หากมีการทำาให้กระบวนการยุติธรรม
                  มีประสิทธิภาพทั้งในระบบและตัวบุคคลได้อย่างแท้จริง โทษประหารชีวิตจะไม่มีความจำาเป็นต้องใช้

                  ในการลงโทษผู้กระทำาผิดในประเทศไทยอย่างแน่นอน

                           แม้ความเห็นของคนส่วนหนึ่งในประเทศไทยเห็นว่ายังควรให้มีโทษประหารชีวิตอยู่
                  เพื่อยับยั้งให้คนเกิดความเกรงกลัวต่อการกระทำาความผิด  แต่เมื่อมีหลักฐานทางวิชาการ






       136     คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
   144   145   146   147   148   149   150   151   152   153   154