Page 148 - รายงานการศึกษาเรื่องโทษประหารชีวิตในประเทศไทย
P. 148

คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่รู้กระแสของโลกซึ่งปัจจุบันมีประเทศที่ยกเลิกโทษประหารชีวิต
                     เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้มีถึง ๑๓๙ ประเทศแล้ว เพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์ในการคงโทษประหารชีวิตไว้

                     ซึ่งจากผลการสำารวจพบว่าในประเทศที่ยกเลิกโทษประหารชีวิตแล้วส่วนใหญ่  ปัญหาอาชญากรรม

                     ไม่ได้มากกว่าประเทศที่มีโทษประหารชีวิต
                             เรื่องสุดท้ายการยกเลิกโทษประหารชีวิตมีผลดีมากกว่า  เพราะจะทำาให้เกิดความรุนแรง
                     น้อยลงในสังคม คนไทยชอบคิดว่าประหารชีวิตแค่ ๒ คน ในเวลา ๖ ปี ตัวเลขไม่มาก แต่ทว่าสิ่งนี้

                     เป็นเหตุที่ผู้มีอำานาจจะใช้ข้ออ้างที่จะประหารชีวิตประชาชน การที่เราฆ่าคนอื่นไม่ได้ช่วยให้มีวัฒนธรรม

                     ที่จะยกเลิกการใช้ความรุนแรงได้ในทันที


                             น�งส�วสมศรี ห�ญอนันทสุข กล่าวว่า หลายคนเห็นด้วยกับศาสตราจารย์ ดร.คณิต

                     ณ  นคร  ว่านักโทษหรือคนที่กระทำาผิดมักจะ  “ไม่ได้กลัวว่าประเภทของโทษเป็นแบบใด  แต่กลัว

                     กระบวนการลงโทษที่มีประสิทธิภาพมากกว่า”  ตราบใดที่บุคคลยังมีทางออกที่สามารถจะหลุดรอด
                     จากการถูกจับหรือถูกลงโทษ บุคคลเหล่านั้นก็จะไม่ได้กลัวเรื่องโทษประหารชีวิตหรือจำาคุกตลอดชีวิต
                     สังคมเรามีทางเลือกในการลงโทษ  เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่ได้พยายามที่จะมองทางออกตรงนั้น

                     และไปให้ถึงจุดหมาย โดยเฉพาะประเทศไทยซึ่งเป็นเมืองพุทธไม่ควรจะเห็นด้วยกับโทษประหารชีวิต

                     อย่างยิ่งเป็นที่น่าเสียใจผู้แทนไทยที่ผ่านมาไปยกมือที่สหประชาชาติเพื่อค้านการชะลอการลงโทษ
                     ประหารชีวิต  ซึ่งก็เป็นหนึ่งในประเทศจำานวนไม่มากที่ไม่อยากให้ชะลอการลงโทษประหารชีวิต
                     ซึ่งหมายความว่าประเทศไทยสนับสนุนโทษประหารชีวิตนั่นเอง

                             สำาหรับเรื่องการปล่อยคนออกมาจากคุก แล้วมีการกระทำาผิดซ้ำา เรื่องแบบนี้เราคงต้อง

                     ย้อนไปถึงคำาพูดของ ศาสตราจารย์ ดร.คณิต ณ นคร ที่กล่าวว่าประสิทธิภาพของกระบวนการ
                     ยุติธรรมอยู่ที่ตรงไหน ทำาไมถึงปล่อยให้มีการฆ่าแล้วฆ่าอีก แต่กรณีนี้ คือ กรณีที่จับไม่ได้แล้ว
                     ไปทำาผิดอีกและคงจะดีมาก  ถ้าพวกเราลองมองปัญหานี้ควบไปกับคำาสอนของพระพุทธเจ้าด้วย

                     อยากจะพูดถึงเรื่ององคุลีมาลเหมือนกันว่า ในทางปฏิบัติ พระพุทธเจ้าไม่ได้ปฏิบัติหรือคิดประหาร

                     ทางกายกับใคร หรือจะต้องสังหารใคร มีแต่จะบอกว่าให้อภัย หากพระองค์เห็นด้วยกับการประหาร
                     ชีวิตคำาสอนของพระพุทธเจ้าในศีลข้อที่ ๑ จะบิดเบี้ยวทันที คือ เรื่องนักโทษร้อยละ ๒๓ ถ้าคิด
                     เป็นจำานวนคนก็เหลือไม่กี่คน แล้วอีก ๑๑๕ ราย ถึงที่สุดโดนจำาคุก เราอาจจะมองว่าการรักษาชีวิต

                     คนเหล่านี้ไว้นั้นมันเป็นการใช้งบประมาณมาก  แต่จะมากเพียงใดเมื่อเปรียบเทียบกับข้อดี  ข้อเสีย

                     ของคุณธรรมที่สูญเสียไปในสังคม


                             สรุปผลก�รเสวน�  :  ผู้เข้าร่วมการเสวนาส่วนใหญ่เห็นว่าปัจจุบันการลงโทษประหาร

                     เป็นเรื่องที่ไม่มีความจำาเป็น เพราะโทษประหารชีวิตอาจจะเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน

                     รวมทั้งในงานวิจัยทางวิชาการจากหลายประเทศ ทั้งในสหรัฐอเมริกา และแคนาดา พิสูจน์แล้วว่า








                                                                       โทษประหารชีวิตในประเทศไทย 135
   143   144   145   146   147   148   149   150   151   152   153