Page 97 - ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการคุ้มครองสิทธิของผู้อพยพหนีภัยสงครามและข้อเสนอในการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522
P. 97
ไทยได้เป็นการชั่วคราว โดยอยู่ในความควบคุม เพื่อรอการผลักดันออกไป แต่ถ้าเป็นชนกลุ่มน้อยติดอาวุธ
และผู้หลบหนีเข้าเมือง จะทำาการผลักดันทันที นอกจากนั้น ไทยยังได้จัดตั้งหมู่บ้านป้องกันตนเองชายแดน
ไทย - พม่า อีกด้วย
ปัญหาความขัดแย้งภายในพม่าไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องของพม่าและชนกลุ่มน้อย ไม่ใช่เป็นปัญหา
ภายในที่เราในฐานะคนนอกหรือประเทศเพื่อนบ้านไม่ควรยุ่งเกี่ยว เพราะปัญหาของพม่าเป็นปัญหาของ
ประเทศไทยด้วยเช่นกัน ปัญหาความขัดแย้งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการค้าตามแนวชายแดน การสู้รบ
ที่รุนแรงภายหลังการเลือกตั้งในพม่าเมื่อปลายปี ๒๕๕๓ ทำาให้เกิดการอพยพครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ ๒๐ ปี
โดยมีชนกลุ่มน้อยตามบริเวณชายแดนอพยพเข้าประเทศไทยในเขตพื้นที่จังหวัดตาก ติดกับจังหวัดเมียวดี
ของสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า เมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ประมาณ ๒๕,๐๐๐ คน ซึ่งประเทศไทย
ได้เข้าไปดูแลผู้ลี้ภัยโดยจัดที่พักพิงชั่วคราว จัดหาอาหาร และดูแลสุขภาพอนามัยให้แก่ผู้ลี้ภัยนั้นเป็น
นโยบายที่ดีที่พึงปฏิบัติต่อประเทศเพื่อนบ้าน แต่ขณะเดียวกัน ประเทศไทยควรจะสรุปบทเรียนการส่ง
ผู้ลี้ภัยสงครามกลับไปยังบ้านเกิดของตน ภายใต้หลักการของการส่งกลับที่ไม่เป็นการกดดันให้ไปเผชิญกับ
ภัยอันตรายด้วยเช่นกัน
ข้อดีและข้อเสียของการให้สัตยาบันอนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย ค.ศ. ๑๙๕๑
ในขณะที่ประเทศไทยอยู่ภายใต้วงล้อมของประเทศเพื่อนบ้านที่มีปัญหาความขัดแย้งภายในสูงจน
เกิดภาวะสงคราม นับตั้งแต่สมัยสงครามอินโดจีนเมื่อ ๓๐ กว่าปีที่ผ่านมา และความขัดแย้งภายในพม่าใน
ปัจจุบัน ซึ่งทำาให้ประชาชนของประเทศเพื่อนบ้านอพยพลี้ภัยเข้ามาอยู่ในประเทศไทยนั้น ได้มีเสียงเรียกร้อง
จากนานาชาติให้ประเทศไทยให้สัตยาบันอนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย ค.ศ.๑๙๕๑ เพื่อให้การบริหาร
จัดการเรื่องผู้ลี้ภัยมีความเป็นสากลมากขึ้น จึงควรทำาการวิเคราะห์ว่า การเข้าเป็นภาคีของอนุสัญญาดังกล่าว
ก่อให้เกิดผลดีและผลเสียต่อประเทศไทยอย่างไร
ข้อดีของการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย ค.ศ. ๑๙๕๑
๑. เป็นกรอบในการบริหารจัดการผู้ลี้ภัย
เนื่องจากสภาพทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทยทำาให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายหลักของผู้ลี้ภัย
จำานวนมากในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมา แม้ทางรัฐบาลไทยจะได้ดำาเนิน
การแก้ไขปัญหามาอย่างต่อเนื่อง แต่การแก้ไขปัญหายังขาดวิธีการจัดการอย่างเป็นระบบและยังคงมี
ปัญหาอุปสรรคในการดำาเนินการอีกหลายประการ อาทิ ปัญหาในเรื่องกฎระเบียบและแนวทางปฏิบัติที่ไม่
สอดคล้องกับข้อเท็จจริง รวมถึงปัญหาในเรื่องทัศนคติของเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงาน จึงจำาเป็นที่ทุกฝ่ายต้อง
ร่วมกันพิจารณากำาหนดแนวทางดำาเนินงานให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์
ประเทศไทยจึงจำาเป็นที่จะต้องมีกรอบทางกฎหมายเพื่อบริหารจัดการผู้ลี้ภัย และเป็นหลัก
ประกันให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติงานโดยสุจริต ให้เกิดความมั่นใจในการปฏิบัติงานและลดโอกาสใน
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการคุ้มครองสิทธิของผู้อพยพหนีภัยสงคราม และข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย พ.ร.บ. คนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒