Page 96 - ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการคุ้มครองสิทธิของผู้อพยพหนีภัยสงครามและข้อเสนอในการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522
P. 96
ในด้านเศรษฐกิจการค้าระหว่างไทยกับพม่ามีทั้งรูปแบบการค้าปกติและการค้าชายแดน โดยฝ่าย
ไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้ามาโดยตลอด และมูลค่าการค้ามีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ในปี ๒๕๔๔ ไทย
เสียเปรียบดุลการค้าต่อพม่าเนื่องจากการชำาระค่าก๊าซธรรมชาติที่ไทยได้ซื้อจากพม่า ไทยกับพม่ามีความ
ตกลงการค้าระหว่างกัน ๓ ฉบับ ได้แก่ ความตกลงทางการค้าไทย - พม่า (ลงนามเมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน
พ.ศ. ๒๕๓๒ ที่ กรุงย่างกุ้ง) บันทึกความเข้าใจเพื่อจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมทางการค้าไทย - พม่า (ลงนาม
เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๓ ที่ กรุงเทพฯ) และความตกลงการค้าชายแดน (ลงนามเมื่อวันที่ ๑๗
มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๙ ที่ กรุงย่างกุ้ง)
การที่ระบบเศรษฐกิจของพม่าเป็นระบบที่ควบคุมโดยรัฐบาลอย่างเข้มงวด กอปรกับการที่รัฐบาล
ทหารพม่ามักเชื่อมโยงปัญหาทางการเมืองภายในพม่ากับการดำาเนินความสัมพันธ์ด้านอื่นๆ รวมทั้งความ
สัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจ ทำาให้ความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยกับพม่ามักได้รับผลกระทบ
อาทิ ความไม่แน่นอนและการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบเกี่ยวกับการค้าและการลงทุนโดยไม่คำานึงผลกระทบ
และความตกลงที่มีอยู่ การปิดชายแดน และการยกเลิกสัมปทานประมง ซึ่งไม่เฉพาะประเทศไทยเท่านั้น
ที่ได้รับผลกระทบ แต่นักธุรกิจประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะที่มีพรมแดนติดกับพม่า อาทิ จีน ก็ประสบปัญหา
ในลักษณะเช่นนี้ด้วย
ความสัมพันธ์ทางสังคม วัฒนธรรม และความร่วมมือระหว่างไทยกับพม่าได้ลงนามความตกลง
ทางวัฒนธรรมไทย - พม่า เมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยกำาหนดให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือน
ระดับสูงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งคณะนาฏศิลป์ของทั้งสองฝ่าย และให้ความร่วมมือในการ
บูรณปฏิสังขรณ์โบราณสถานและโบราณวัตถุในพม่า นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้อัญเชิญ
ผ้าพระกฐินพระราชทานจากประเทศไทยไปถวายที่วัดพุทธในพม่าทุกปี นับตั้งแต่พ.ศ. ๒๕๓๘ เป็นต้นมา
นอกจากนี้ ไทยให้ความร่วมมือทางวิชาการแก่พม่าใน ๓ สาขา คือ การเกษตร การศึกษา และ
สาธารณสุข รวมทั้งให้ความร่วมมือด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ปศุสัตว์และการประมง การคมนาคม
การท่องเที่ยว วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และการบินพลเรือนด้วย
โดยภาพรวมจึงอาจสรุปได้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับพม่าในยุคปัจจุบันอยู่ในภาวะปกติ ไม่มี
ความขัดแย้งใดๆ ที่เป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายหนักใจ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากภูมิประเทศบริเวณพรมแดน
ไทย - พม่า ส่วนใหญ่เป็นถิ่นทุรกันดารอยู่ห่างไกลจากการควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย จึงเป็น
ชัยภูมิที่เหมาะสมกับพวกชนกลุ่มน้อยกลุ่มต่างๆ เข้ามาอยู่อาศัย ชนกลุ่มน้อยดังกล่าวได้มีบางส่วนเข้ามา
อาศัยอยู่ในเขตแดนไทย นอกจากนี้ ในส่วนที่อยู่ในเขตพม่าเมื่อถูกทหารรัฐบาลทหารพม่าปราบปราม
ก็หนีเล็ดลอดเข้ามาในเขตของไทย บางกลุ่มลักลอบค้ายาเสพติดและสินค้าหนีภาษี พฤติกรรมดังกล่าว
ทำาให้พม่าเกิดความคลางแคลงใจว่า ฝ่ายไทยให้การสนับสนุนและให้ที่พักพิงแก่ชนกลุ่มน้อยในพม่า
ปัญหาผู้พลัดถิ่นและผู้หลบหนีเข้าเมือง มีชาวพม่าที่อพยพหลบภัยเข้ามาในเขตไทย แบ่งออกเป็นผู้ที่
เข้ามาก่อน พ.ศ. ๒๕๑๙ ซึ่งทางไทยถือว่า เป็นผู้พลัดถิ่นสัญชาติพม่า ส่วนที่เข้ามาหลังจากนั้น ถือว่าเป็น
ผู้หลบหนีเข้าเมือง ประเทศไทยมีนโยบายต่อชนกลุ่มน้อยและผู้พลัดถิ่นสัญชาติพม่า ให้ผลักดันออกจาก
เขตแดนไทย ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๙ เป็นต้นมา แต่ก็ได้ผ่อนผันตามหลักมนุษยธรรม ให้พักพิงอยู่ในเขตแดน
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการคุ้มครองสิทธิของผู้อพยพหนีภัยสงคราม และข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย พ.ร.บ. คนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒