Page 101 - ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการคุ้มครองสิทธิของผู้อพยพหนีภัยสงครามและข้อเสนอในการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522
P. 101
นอกจากนี้ ประเทศไทยมีหน้าที่ในการปฏิบัติต่อผู้ลี้ภัยตามหลักลิทธิมนุษยชน เนื่องจาก
ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๙๑ จึงมีพันธกรณี
ตามสนธิสัญญาต่างๆ ที่เข้าเป็นภาคี เช่น กฎบัตรสหประชาชาติ ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิ
ทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ตลอดจนอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก และอนุสัญญาว่าด้วยการจัดการ
เลือกปฏิบัติต่อสตรีทุกรูปแบบ ฯลฯ เป็นต้น ผู้ลี้ภัยจึงมีสิทธิที่จะได้รับความคุ้มครองตามสถานะเฉพาะ
ของตน ซึ่งกฎหมายให้ความคุ้มครองเป็นกรณีพิเศษ โดยเฉพาะเด็กและสตรี
กติการะหว่างประเทศที่ได้กล่าวถึงสิทธิของมนุษย์แต่ละคนไว้อย่างชัดเจนและครอบคลุม
มากที่สุดฉบับหนึ่ง คือ กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ที่กล่าวถึงสาระ
ของสิทธิในส่วนที่เป็นการปฏิบัติต่อผู้ถูกลิดรอนเสรีภาพอย่างมีมนุษยธรรม การห้ามบุคคลถูกจำาคุกด้วย
เหตุที่ไม่สามารถชำาระหนี้ตามสัญญาได้ ความเสมอภาคของบุคคลภายใต้กฎหมาย การห้ามมิให้มีการ
บังคับใช้กฎหมายอาญาย้อนหลัง สิทธิการได้รับรองเป็นบุคคลตามกฎหมาย การห้ามแทรกแซงความ
เป็นส่วนตัว เป็นต้น
โดยรัฐสมาชิกของกติกาฉบับดังกล่าวได้รับรองว่าจะ “เคารพและประกันสิทธิของบุคคล ห้าม
การเลือกปฏิบัติ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลทางเชื้อชาติ สีผิว เพศ ภาษา ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง
สัญชาติ สถานะทางเศรษฐกิจ สังคม ถิ่นกำาเนิด หรือสภาพอื่นใด” อีกทั้ง คณะกรรมาการสิทธิมนุษยชน
้
แห่งสหประชาชาติได้กล่าวในความเห็นทั่วไป ที่ ๑๕ เน้นยำาเรื่องการปฏิบัติของรัฐภาคีต่อคนต่างด้าวว่า
ตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองว่า “รัฐภาคแต่ละรัฐแห่งกติกานี้
จะต้องประกันแก่ปัจเจกชนทั้งปวงภายในดินแดนของตน และภายใต้เขตอำานาจของตนในสิทธิทั้งหลายที่
ได้รับการรับรองในกติกานี้ โดยทั่วไปแล้ว สิทธิต่างๆ ซึ่งได้รับการรับรองตามกติกานี้จะต้องนำามาใช้กับ
บุคคลทั้งปวง โดยมิต้องคำานึงถึงการต่างตอบแทน สัญชาติ หรือการไร้สัญชาติของบุคคลนั้น”
ประเทศไทยในฐานะภาคีสมาชิกของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิ
ทางการเมือง จึงมีหน้าที่ที่จะต้องเคารพและประกันสิทธิของผู้ลี้ภัยที่ได้รับการรับรองไว้ในกติกาฉบับนี้
โดยปราศจากการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุผลทาง เชื้อชาติ สีผิว เพศ ภาษา ศาสนา ความคิดเห็นทาง
การเมือง สัญชาติ สถานะทางเศรษฐกิจ สังคม ถิ่นกำาเนิด หรือสภาพอื่นใด อาทิ
(๑) สิทธิในการมีชีวิตอยู่ และเสรีภาพจากการถูกทรมาน กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิ
พลเมืองและสิทธิทางการเมืองรับรองว่า “มนุษย์ทุกคนมีสิทธิที่จะมีชีวิตมาแต่กำาเนิด สิทธินี้
ต้องได้รับการคุ้มครองโดยกฎหมาย บุคคลจะต้องไม่ถูกทำาให้เสียชีวิตโดยอำาเภอใจ..”
และ “บุคคลจะถูกทรมาน หรือได้รับการปฏิบัติ หรือการลงโทษที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมหรือ
ต่ำาช้ามิได้”
โดยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้ตีความมาตรา ๗ ในความเห็นทั่วไป
ที่ ๒๐ ระบุว่า ความหมายของมาตรานี้ยังได้ห้ามรัฐภาคีในการส่งบุคคลไปยังประเทศอื่น
ซึ่งบุคคลนั้นได้รับอันตรายจากการถูกทรมาน หรือได้รับการปฏิบัติ หรือการลงโทษที่
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการคุ้มครองสิทธิของผู้อพยพหนีภัยสงคราม และข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย พ.ร.บ. คนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒