Page 73 - ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการคุ้มครองสิทธิของผู้อพยพหนีภัยสงครามและข้อเสนอในการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522
P. 73
ระหว่างประเทศและหน่วยงานภาคประชาสังคม โดยหลักเกณฑ์ของการคุ้มครองชั่วคราวนั้นต้องสอดคล้อง
กับพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายภายในของรัฐ เช่น อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิพลเมือง
และสิทธิทางการเมือง อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก แต่ทั้งนี้ การให้ความคุ้มครองชั่วคราวไม่ควรยืดขยาย
ออกไปโดยไม่จำาเป็น และต้องถูกแทนที่ด้วยมาตรการที่ยั่งยืน และความคุ้มครองชั่วคราวนี้ควรสิ้นสุดลง
เมื่อผู้อพยพสามารถกลับคืนสู่ประเทศต้นกำาเนิดได้อย่างปลอดภัยและมีศักดิ์ศรี
การแจ้งผู้ลี้ภัยทราบล่วงหน้าเป็นระยะเวลาตามสมควรก่อนการส่งกลับ
เจ้าหน้าที่ต้องแจ้งผู้ลี้ภัยทราบล่วงหน้าก่อนการส่งกลับเป็นระยะเวลาตามสมควร โดยกำาหนดเวลา
เพียงพอให้เตรียมตัวเพื่อเดินทางกลับ และให้ได้พิจารณาว่าจะคัดค้านการส่งกลับหรือไม่ หากประสงค์
จะส่งกลับ ผู้ลี้ภัยจะต้องแสดงเหตุแห่งการคัดค้านต่อองค์กรที่เป็นกลางและเป็นอิสระจากองค์กรซึ่งเป็น
ผู้ทำาคำาสั่งดังกล่าว สิทธิในกระบวนการคัดค้านคำาสั่งดังกล่าวเป็นหลักการทั่วไปของกฎหมายสิทธิมนุษยชน
ที่บุคคลมีสิทธิในการได้รับการเยียวยาและการเรียกร้องได้รับกระบวนพิจารณาที่เป็นธรรม
การกำาหนดช่องทางให้ผู้ลี้ภัยสามารถคัดค้านการส่งกลับต่อองค์กรที่เป็นกลาง และเป็น
อิสระจากหน่วยงานที่ออกคำาสั่งให้ส่งกลับ
เมื่อผู้ลี้ภัยได้ร้องคัดค้านการส่งกลับ ประเทศไทยควรกำาหนดให้มีองค์กรที่ทำาหน้าที่พิจารณา
คำาร้องดังกล่าว โดยเป็นองค์กรที่เป็นอิสระ ไม่อยู่ภายใต้หน่วยงานที่ทำาคำาสั่งส่งกลับ ทั้งนี้ ในระหว่าง
กระบวนพิจารณานั้น ผู้ลี้ภัยควรจะได้รับคำาปรึกษาจากทนายความเพื่อการปกป้องและคุ้มครองสิทธิของ
ผู้ลี้ภัย และจะต้องเลื่อนการส่งตัวผู้ลี้ภัยออกนอกประเทศระหว่างการพิจารณาคำาคัดค้านดังกล่าว
การพิจารณาความปลอดภัยของประเทศต้นทาง นอกจากจะเป็นการคุ้มครองสวัสดิภาพของ
ผู้ลี้ภัย ยังเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า ประเทศไทยได้ให้ความคุ้มครองสิทธิมนุษยชนแก่บุคคลทุกคนในอาณาเขต
ของรัฐอย่างแท้จริง ตามที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา ๔ “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ และเสรีภาพ
ของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง” และ มาตรา ๒๖ “การใช้อำานาจโดยองค์กรของรัฐทุกองค์กร ต้องคำานึง
ถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ และเสรีภาพ”
นอกจากการบัญญัติรับรองหลักการไม่ส่งผู้ลี้ภัยกลับไปสู่อันตรายแล้ว ประเทศไทยควรปรับปรุง
นโยบายและมาตรการที่ใช้อยู่ในปัจจุบันให้สอดคล้องกับหลักการไม่ส่งผู้ลี้ภัยกลับไปสู่อันตราย เพื่อให้
สิทธิและเสรีภาพของผู้ลี้ภัยได้รับการคุ้มครองอย่างแท้จริง
นโยบายและมาตรการที่ควรปรับปรุงเพื่อให้เป็นไปตามหลักการไม่ส่งผู้ลี้ภัย
กลับไปสู่อันตราย (Non-Refoulement)
จากเอกสารรายงานการพิจารณาศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๑ เรื่องปัญหาผู้ลี้ภัยจากการสู้รบ อนุกรรมการ
สิทธิมนุษยชนและสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการ
คุ้มครองผู้บริโภคของวุฒิสภา ระบุว่า ประเทศไทยได้วางกฎระเบียบในการปฏิบัติต่อผู้ลี้ภัยอย่างเคร่งครัด
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการคุ้มครองสิทธิของผู้อพยพหนีภัยสงคราม และข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย พ.ร.บ. คนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒