Page 72 - ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการคุ้มครองสิทธิของผู้อพยพหนีภัยสงครามและข้อเสนอในการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522
P. 72

ประเทศ  ใน พ.ศ. ๒๕๕๑ รัฐบาลญี่ปุ่นได้ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายคนเข้าเมืองให้สอดคล้องกับพันธกรณีตาม
                                                                                            ่
                  อนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมหรือที่ยำายีศักดิ์ศรี
                  และอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลมิให้ถูกบังคับสูญหาย โดยกำาหนดในมาตรา ๕๓

                  ของ Immigration Control and Refugee Recognition Act ไม่ให้ส่งบุคคลกลับไปยังประเทศซึ่งชีวิต
                  และอิสรภาพของผู้ลี้ภัยจะมีอันตราย เสี่ยงที่จะถูกทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษที่โหดร้าย
                  ไร้มนุษยธรรม  โดยญี่ปุ่นจะไม่ส่งบุคคลซึ่งอยู่ระหว่างการขอพิจารณาสถานะผู้ลี้ภัยกลับประเทศ และแม้ว่า

                  บุคคลนั้นๆ จะถูกปฏิเสธสถานะผู้ลี้ภัย หรืออยู่ในระหว่างดำาเนินคดีในศาลในประเด็นดังกล่าว ประเทศญี่ปุ่น

                  จะพิจารณาในประเด็นเกี่ยวกับการส่งกลับอย่างระมัดระวัง เช่น เลือกเวลาที่เหมาะสมในการส่งกลับของ
                  ผู้ลี้ภัยแต่ละคน (The Government of Japan. (March, 2011) “Mid-term progress report by
                  Japan on its implementation of recommendation made in May 2008)


                         ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการไม่ส่งผู้ลี้ภัยกลับไปสู่อันตราย  ประเทศไทยสามารถปฏิบัติ
                  ดังต่อไปนี้


                         การประเมินสถานการณ์ในประเทศต้นทางก่อนการตัดสินใจส่งกลับ

                         ก่อนมีการส่งผู้ลี้ภัยกลับประเทศ  ประเทศไทยควรประเมินว่า การส่งกลับดังกล่าวจะทำาให้ผู้ลี้ภัย
                  มีความเสี่ยงที่จะได้รับอันตราย ถูกทรมาน หรือปฏิบัติหรือถูกลงโทษอย่างโหดร้าย ไร้มนุษยธรรมหรือไม่

                  โดยการประเมินของรัฐต้องเป็นไปอย่างจริงจัง รอบด้าน ตั้งอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริงของแต่ละกรณี และ
                  เปิดโอกาสให้ผู้ลี้ภัยที่จะถูกส่งตัวกลับได้แสดงความเห็น และข้อเท็จจริงประกอบด้วย

                         จากการลงพื้นที่สำารวจของคณะผู้วิจัย ในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เมื่อวันที่ ๑๓ – ๑๔ พฤศจิกายน
                  ๒๕๕๔ พบว่า  ปลายปี ๒๕๕๓ เมื่อฝ่ายทหารไทยได้รับข่าวว่าการสู้รบในฝั่งพม่าสงบลงแล้ว ได้ส่งผู้อพยพ

                  กลับทันที แต่การสู้รบมิได้ยุติลงจริง ทำาให้ผู้อพยพต้องกลับเข้ายังฝั่งประเทศไทยอีก ๓ - ๔ ครั้ง
                         การลงพื้นที่สำารวจที่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ในวันที่ ๒๗ – ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ พบว่า

                  ช่วงปลายปี ๒๕๕๓ ซึ่งเกิดการปะทะกันระหว่างกองกำาลังทหารพม่ากับกองกำาลังทหารกะเหรี่ยงในพื้นที่
                  อ.พยาตองซู  จ.ตันบูซายัด ตรงข้ามกับด่านพระเจดีย์สามองค์  ทำาให้มีผู้อพยพลี้ภัยการสู้รบข้ามชายแดน

                  ประเทศไทย  ในวันที่สามของการเข้ามาลี้ภัย  ทหารก็ได้สั่งให้ผู้อพยพไปรวมกันที่วัดและให้เดินกลับพม่า
                  หลังจากที่ได้รับแจ้งว่า การสู้รบสงบลงแล้ว  แม้ในความเป็นจริงยังมีเสียงปืนยังดังไม่ขาดสาย แสดงให้

                  เห็นว่า ประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะส่งผู้ลี้ภัยกลับพม่าทันที เมื่อได้รับสัญญาณจากทางฝั่งพม่าว่าการสู้รบ
                  เข้าสู่สภาวะปกติ  โดยไม่มีการกลั่นกรองตรวจสอบความปลอดภัยของผู้ลี้ภัย และสถานการณ์การสู้รบใน

                  ประเทศต้นทางอย่างแท้จริง
                         ประเทศไทยควรกำาหนดให้มีการตรวจสอบว่า การส่งผู้ลี้ภัยกลับประเทศจะทำาให้ผู้ลี้ภัยมีความ

                  เสี่ยงที่จะได้รับอันตายในสิทธิและเสรีภาพหรือไม่  และหากการส่งกลับจะทำาให้ผู้ลี้ภัยมีความเสี่ยงดังกล่าว
                  ประเทศไทยต้องไม่ผลักดันผู้ลี้ภัยกลับประเทศ ระหว่างรอให้สถานการณ์การสู้รบในประเทศต้นทางยุติ

                  ประเทศไทยควรจัดให้ความคุ้มครองชั่วคราว (temporary protection)  โดยร่วมมือกับองค์กร



        


        ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการคุ้มครองสิทธิของผู้อพยพหนีภัยสงคราม  และข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย พ.ร.บ. คนเข้าเมือง  พ.ศ. ๒๕๒๒
   67   68   69   70   71   72   73   74   75   76   77