Page 67 - ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการคุ้มครองสิทธิของผู้อพยพหนีภัยสงครามและข้อเสนอในการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522
P. 67

๖,๐๐๐ – ๘,๐๐๐ คน นั้น  มีความกังวลว่าจะทำาอย่างไรกันต่อไปสำาหรับอนาคตของเด็กกลุ่มนี้  เรื่องของ
                     สถานะบุคคลจะมีกระบวนการอะไรที่จะให้โอกาสให้การอยู่อาศัย หรือการผลักดันกลับ มีความเป็นไปได้

                     หรือไม่ที่เขาจะกลับไปสู่ครอบครัว

                            แนวทางที่อยากนำาเสนอ คือ อยากให้มีข้อเสนอเกี่ยวกับเรื่องของเด็กด้วย  นอกจากมีการอ้างถึง
                     อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กแล้ว  ก็ยังมี พ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ อาจจะเพิ่มไปไว้ในรายงานการวิจัย
                     เพราะเป็นการให้สิทธิ โอกาส และสวัสดิภาพแก่เด็กทุกคนที่อยู่ในราชอาณาจักรไทย

                            เรื่องการดูแลเด็กทางเลือก พอจะมีแนวทางหรือไม่ ที่จะทำาให้แรงงานหรือผู้อพยพเข้าไปเป็นพ่อแม่

                     บุญธรรม หรือสามารถจดทะเบียนกับทางองค์กรไทยเหมือนกับที่ทำากับกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อยกระดับ
                     มาตรฐานของเด็ก  โดยเฉพาะที่ อ.สังขละบุรี ต่างกับ อ.แม่สอด มาก คือ มีองค์กรที่ตั้งตัวเองเป็นอาสาสมัคร
                     ต่างประเทศเพื่อดูแลเด็กผู้ลี้ภัย ซึ่งการดูแลไม่ได้มาตรฐานเลย  ทำาให้เด็กมีโอกาสที่จะถูกละเมิดทางเพศได้

                     เพราะไม่มีใครเข้าไปดูแลตรงนี้  ก็อาจจะเป็นบทบาทหนึ่งของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ

                     มนุษย์  ซึ่งทางเราก็เริ่มแล้ว โดยติดต่อกับองค์กรภาคีและพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด
                     เพื่อเข้าไปตรวจสอบดูมาตรฐานการดูแลเด็กในองค์กรต่างๆ เหล่านี้ให้มีความเหมาะสมมากขึ้น และต้องได้
                     รับการรับรองจากทางภาครัฐด้วย

                            ที่บ้านแม่สามแลบจะมีรูปแบบเรื่องการจดทะเบียนของกลุ่มแรงงานและคนไร้สัญชาติ ซึ่งเป็น

                     รูปแบบค่อนข้างจะดีมาก คือ ประชาคมจะช่วยกันทำางานร่วมกับอำาเภอ และจะช่วยกันดูว่าคนที่ข้ามเข้ามา
                     เป็นกลุ่มคนที่เข้ามาใหม่ หรือว่าเป็นคนที่อยู่อาศัยมานานแล้วมีสิทธิที่จะได้รับสถานะบุคคลทางกฎหมาย
                     ตรงนี้ก็รวมถึงเด็กๆ ด้วย  ถ้าพ่อแม่เขาได้สิทธิ สัญชาติ หรือสถานะบุคคลต่างๆ  เด็กก็จะได้สิทธิตามไปด้วย

                     ค่อนข้างก้าวหน้ามากที่ทางภาคประชาสังคม หน่วยงาน องค์กรพัฒนาเอกชนได้ร่วมกับทางภาครัฐ




                     คิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญและอนุกรรมการด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง

                            นายวีรวิชญ์  เธียรชัยนันท์ ผู้อำานวยการบริหารมูลนิธิไทยเพื่อคนมีปัญหาสิทธิและสถานะ

                     บุคคล กล่าวว่า
                            เรื่องคำานิยาม “ผู้ลี้ภัย” หรือ “ผู้หนีภัย” จากการสู้รบ  มีข้อสังเกตที่ว่า “ถ้าหากเราไม่ได้เป็นภาคี

                     อนุสัญญาระหว่างประเทศ หรือกฎหมายระหว่างประเทศฉบับไหน แล้วเราไม่สามารถใช้คำาศัพท์คำานั้นได้”
                     มันจะจำากัดคำาพูดของเรา หรือว่าคำาที่เราจะใช้ได้ในประเทศไทยเยอะมาก

                            จากงานวิจัยพบว่า รัฐมีนโยบายที่ดีในเรื่องการเคารพสิทธิมนุษยชน และเรื่องของการไม่ผลักดัน
                     กลับ  แต่ปัญหาคือ ทางภาคปฏิบัติ เช่น ไม่ผลักดันกลับแต่พอปลอดภัยแล้วผลักดันกลับได้  ก็พบว่า

                     มีหลายๆ กรณีที่เป็นเหตุการณ์จริงเกิดขึ้นว่าถูกผลักดันกลับไป  เดินยังไม่ถึงฝั่งนู้นยิงกันอีกก็ต้องข้าม
                     กลับมา  ตรงนี้มันมีนัยยะอยู่ซึ่งในหลักการระหว่างประเทศก็บอกว่า “ต้องมีระยะเวลาที่เหมาะสม” คิดว่า

                     ทางฝั่งของรัฐบาลไทยตระหนักถึงเรื่องนี้ดี  เพราะอย่างตอนที่กัมพูชากับไทยมีปัญหากัน  เราก็จัดการ
                     ประเมินสถานการณ์ได้อย่างดี  ชาวบ้านไม่ต้องกลับไปเสี่ยงตายกับลูกระเบิดที่ลงมา ก็คิดว่าเราสามารถ

                     ทำาได้

                                                                                                            


                                      ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการคุ้มครองสิทธิของผู้อพยพหนีภัยสงคราม  และข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย พ.ร.บ. คนเข้าเมือง  พ.ศ. ๒๕๒๒
   62   63   64   65   66   67   68   69   70   71   72