Page 58 - ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการคุ้มครองสิทธิของผู้อพยพหนีภัยสงครามและข้อเสนอในการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522
P. 58
นายวีรวิชญ์ เธียรชัยนันท์ ผู้อำานวยการบริหารมูลนิธิไทยเพื่อคนมีปัญหาสิทธิและสถานะ
บุคคล เห็นว่า
ฝ่ายกำากับนโยบายควรเรียนรู้ประสบการณ์ทางด้านการจัดการผู้ลี้ภัยอินโดจีน และนำามากำาหนด
นโยบายผู้ลี้ภัยจากการสู้รบทางฝั่งพม่า ควรประยุกต์องค์ความรู้มาใช้อย่างเต็มที่ โดยหลักการ คือ สิ่ง
ที่รัฐบาลเรียนรู้จากช่วงที่มีผู้ลี้ภัยจากสงครามอินโดจีนว่า เราทำาทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จึงทำาให้
เป็นการยากในการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะเรื่องของการส่งกลับ และการเรียนรู้อีกอย่าง คือ การให้ UNHCR
เข้าไปมีบทบาทหลักในการบริหารจัดการค่ายผู้ลี้ภัย ทำาให้การบริหารจัดการโดยรัฐบาลไทยยากลำาบากขึ้น
ฉะนั้น สิ่งที่เรียนรู้ควรนำามาใช้ในกรณีของการอพยพทางตะวันตกของประเทศไทย คือ ไม่เอา
้
UNHCR เข้ามา ให้ NGOs แจกอาหาร แจกนำาอย่างเดียว และไม่ให้สถานภาพที่ถูกต้องตามกฎหมาย
เพราะว่ากลุ่มของผู้ลี้ภัยอินโดจีน หรือกลุ่มนักศึกษาพม่า เราใช้มาตรา ๑๗ ของพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง
อนุญาตให้อยู่ชั่วคราวโดยถูกกฎหมาย การที่จะให้ออกไปจึงยากเพราะมีบทกฎหมายรองรับ เราก็พยายาม
ที่จะเก็บให้อยู่ในสถานะเป็นผู้หลบหนีเข้าเมือง ถึงแม้ว่าผู้ลี้ภัยที่อยู่ในค่ายจะมีทะเบียน ก็ยังคงสถานะทาง
กฎหมายว่าเป็นผู้หลบหนีเข้าเมือง
ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่ได้เข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย ค.ศ. ๑๙๕๑ และเรา
พบว่า ประเทศทางยุโรปมีผู้ที่ประสบภัยจากสงครามโลก ครั้งที่ ๒ เป็นจำานวนมาก จึงได้มีแนวทางของ
สหประชาชาติที่จะบริหารจัดการคนกลุ่มนี้โดยการใช้กฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมายภายใน
ประเทศที่เกี่ยวข้องในช่วงสงคราม ครั้งที่ ๒ จึงได้ออกกฎหมายฉบับนี้ออกมา และกฎหมายฉบับนี้ก็ได้ถูก
นำาไปใช้ในอีกหลายภูมิภาคทั่วโลกที่มีความขัดแย้งกัน
ปัจจุบันมี ๑๙๐ กว่าประเทศสมาชิกที่เข้าเป็นภาคีอนุสัญญานี้ แต่ก็มีประเทศที่ยังไม่ได้เป็น
สมาชิกอยู่อีกประมาณ ๖๐ กว่าประเทศ (รวมประเทศไทยด้วย) ในประเทศต่างๆ ที่เข้าไปเป็นภาคี
อนุสัญญาฉบับนี้ก็ได้กำาหนดกฎหมายภายในออกมา หรือไม่ก็กำาหนดนโยบายออกมาในการบริหารจัดการ
ผู้ลี้ภัยอย่างเป็นระบบ สิ่งที่เกิดขึ้น คือ อนุสัญญานี้ให้คำาจำากัดความไว้ว่า “ผู้ลี้ภัย คือ บุคคลที่ออกนอก
ประเทศของตนเองด้วยความหวาดกลัวจากการถูกประหารด้วยเหตุผล ๕ อย่าง ได้แก่ เชื้อชาติ สัญชาติ
ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง และสมาชิกกลุ่ม/กลุ่มสังคมเฉพาะ ทำาให้ไม่สามารถที่จะกลับไปได้”
ตรงนี้ก็เป็นคำานิยามที่กฎหมายระหว่างประเทศใช้ และประเทศที่เป็นภาคีก็ใช้นิยามเดียวกัน ทั้งได้กำาหนด
อำานาจหน้าที่ของรัฐในการบริหารจัดการคนที่เข้าไปขอลี้ภัย รวมถึงการกำาหนดมาตรการต่างๆ ในการที่จะ
ควบคุมดูแลผู้ลี้ภัย และสิทธิต่างๆ ที่ผู้ลี้ภัยพึงจะได้รับ รวมถึงสิทธิในการที่จะไม่ถูกจับกุมดำาเนินคดีในการ
ที่เข้าไปขอลี้ภัย สิทธิในการที่จะเป็นบุคคลในกระบวนการทางกฎหมาย สิทธิที่จะได้รับการช่วยเหลือ
ตามหลักพื้นฐานของสิทธิมนุษยชน เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังกำาหนดขั้นตอนของการเข้าไปขอลี้ภัยเพื่อการบริหารจัดการที่เป็นระบบ จะมีขั้นตอน
เป็นอย่างไรบ้าง กลุ่มบุคคลใดที่จะใช้ช่องทางไหนที่จะเข้าไปขอลี้ภัย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าประเทศไทยเราจะมีผู้ลี้ภัยเข้ามาอยู่นานกว่า ๔๐ ปี แต่ยังไม่เข้าไปเป็นภาคี
ตัวอนุสัญญาฉบับนี้ ซึ่งผมก็ถามคำาถามเดียวกันกับหลายๆ ฝ่ายที่ปฏิเสธไม่อยากที่จะเข้าไปเป็นภาคี
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการคุ้มครองสิทธิของผู้อพยพหนีภัยสงคราม และข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย พ.ร.บ. คนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒