Page 49 - ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการคุ้มครองสิทธิของผู้อพยพหนีภัยสงครามและข้อเสนอในการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522
P. 49
ฉะนั้น ค.ศ. ๒๐๑๕ ไปแล้ว คนที่จะเป็นผู้ลี้ภัยอาเซียน คือ คนที่มาจากนอกอาเซียนที่จะเข้ามา เช่น
ตะวันออกกลาง หรือที่อื่น ๆ
ในช่วงที่ผ่านมาได้มีการคุยหารือในประเด็นนี้ที่เมืองบาหลีถึงกระบวนการที่กระทรวงต่างประเทศ
อาจจะไปเกี่ยวข้องพอสมควร คือ “ทำาอย่างไรถึงจะเกิดกลไกเดียวกันในอาเซียนที่จะคัดกรองคนเข้ามา”
ต่อไปเราจะไม่มาคุยกันแล้วว่า “คนในประเทศพม่าจะดูแลเขาอย่างไร ให้อยู่ที่ไหน” เพราะสุดท้าย
พอเป็นประชาคมเดียวกัน เขาก็สามารถที่จะเดินทางไปไหนมาไหนได้ สิ่งที่เรากำาลังทำาอยู่ตอนนี้ มันล้าสมัย
ไปแล้ว แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือว่า “เราจะทำาอย่างไรในการเข้าไปสู่ตรงจุดนั้น และศักยภาพในการแข่งขัน
ของประเทศไทยต่อไป”
และอีกประเด็นในเรื่องของการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย ค.ศ. ๑๙๕๑
ถ้าไทยเข้าเป็นภาคี อำานาจจะอยู่ในมือเรา สหประชาชาติและต่างประเทศจะไม่สามารถที่จะมาตำาหนิ
วิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่เราทำา เนื่องจากเราเป็นเจ้าของกฎหมาย ถ้าเราพูดถึงคำานิยามของ “คนที่เป็นผู้ลี้ภัย
จากการสู้รบ” ในมาตรา ๑ ของอนุสัญญาว่าด้วยผู้ลี้ภัย จะพบว่า มีปัญหาคือ เข้ามาแล้วไม่ได้กลับไป
เพราะสถานการณ์ไม่ดีขึ้น จริงๆ แล้วเราติดกับตัวเอง เพราะบอกว่า “เขาเป็นผู้หนีภัยจากการสู้รบ” มันไม่มี
จุดสิ้นสุด และเราไม่ได้กำาหนดด้วยว่าจะสิ้นสุดเมื่อไร เขาก็อยู่ในค่าย ๒๐ กว่าปี
แต่ถ้าดูมาตรา ๑ ของอนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัยจะพบว่า “คนที่จะลี้ภัยจะต้องลี้ภัยจาก
การถูกประหารด้วยสาเหตุ ๕ ประการ” อัตราการปฏิเสธผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติอยู่ที่ร้อยละ ๙๐
หมายความว่า ถ้าเข้ามา ๑๐๐ คน ถ้าใช้เกณฑ์ของเราก็จะรับ ๑๐๐ คน แต่สหประชาชาติรับแค่ ๑๐ คน
เพราะเขาบอกว่าตามอนุสัญญา และอนุสัญญาก็กำาหนดไว้ด้วยว่า “ถ้าสถานการณ์ดีขึ้นก็สามารถที่จะถอน
สถานภาพได้” ปัจจุบันสหประชาชาติเพิ่งถอนชาวศรีลังกาไปทั้งกลุ่มและส่งกลับ ซึ่งสามารถทำาได้อย่าง
ถูกต้องตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และถ้าประเทศไทยเข้าไปเป็นภาคี เราก็จะสามารถดำาเนินการ
ต่างๆ เหล่านี้ได้
ในมิติของการดูแลผู้หนีภัยสงครามเห็นว่า ควรจะเปลี่ยนจากการที่ให้ผู้ให้ทุนให้แก่องค์กรฝรั่ง
เป็นให้ผู้ให้ทุนมาให้กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุขในการดูแล ทำาให้เราก็สามารถทำาได้
ตามมาตรฐานของเราเลย โดยที่ไม่ต้องควักกระเป๋าของเราจ่าย เราบอกเขาได้ว่า
“ถ้าอยากให้เด็กได้เรียนหนังสือก็จ่ายมา เราก็จัดให้”
“อยากจะให้ได้รับการดูแลสาธารณสุขที่มีมาตรฐานก็จ่ายมา เราดูแลให้”
ขณะที่แต่ละประเทศให้ตกปีละ ๖๐ ล้านเหรียญ ถ้าแยกออกมาเป็นประเภทเอามาให้กระทรวง
ศึกษาธิการ และสาธารณสุขมาบริหาร เด็กทุกคนน่าจะได้รับการบริการที่ดี
กลไกและรูปแบบในการบริหารจัดการคงจะต้องมาพิจารณากันใหม่ในบริบทปัจจุบัน รวมถึง
การอ่านข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์อยู่เรื่อยว่า “ถ้าคนเหล่านี้กลับไป เขาจะรู้สึกดีกับประเทศไทย เป็นมิตร
กับประเทศไทย” ยกตัวอย่าง กัมพูชา ก่อนที่สถานทูตไทยในพนมเปญจะถูกเผา สมช. เข้าใจว่า กัมพูชา
เป็นประเทศที่เป็นมิตรกับประเทศไทยมากที่สุด ด้วยเหตุผลว่าคนกัมพูชาลี้ภัยอยู่ในประเทศเป็นเวลานาน
ฉะนั้นเขาจะต้องรู้สึกดีกับประเทศไทย ปรากฏว่าสัปดาห์ถัดไป สถานทูตไทยถูกเผา และทราบว่าทาง สมช.
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการคุ้มครองสิทธิของผู้อพยพหนีภัยสงคราม และข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย พ.ร.บ. คนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒